บมจ. ทีพีซี
เพาเวอร์ โฮลดิ้ง ประเมิน 6 เดือนหลังปีนี้ แนวโน้มดี จากการที่โรงไฟฟ้า 13 แห่ง เดินการผลิตเต็มสูบ
ส่วนการลงทุนภายในประเทศต่อจากนี้ จะเป็นโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะรูปแบบ VSPP ผ่านบริษัท สยาม
พาวเวอร์ จำกัด ขณะที่งานใน สปป.ลาว และกัมพูชา อยู่ระหว่างศึกษาและขออนุญาตทั้งด้านพลังงานแสงอาทิตย์
พลังงานลม รวม 300 เมกะวัตต์
นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี
ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) เปิดเผยว่า
แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลังของปี 2566
ยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่องจากช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา
เนื่องจากโรงไฟฟ้าที่จำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวลและเชื้อเพลิงขยะ
ทั้ง 13 แห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 122.30 เมกะวัตต์ สามารถเดินเครื่องได้เต็มกำลังการผลิตโดยโรงไฟฟ้าทั้ง 13 แห่ง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล CRB, MWE, MGP,
TSG, PGP, SGP, PTG, TPCH 5, TPCH 1, TPCH 2, PBB และ PBM รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงขยะ สยาม พาวเวอร์ (SP)
“บริษัทฯ มั่นใจว่า ในครึ่งปีหลังของปีนี้
ผลประกอบการน่าจะเติบโตในทิศทางที่ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
และดีต่อเนื่องจากช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เพราะโรงไฟฟ้าที่ COD แล้วทั้ง 13 แห่ง สามารถเดินเครื่องได้ตามปกติ
โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี (PTG) และ โรงไฟฟ้าขยะ สยาม
พาวเวอร์ (SP) พร้อมทั้งได้มีการปรับจูนเครื่องของโรงไฟฟ้าเพื่อให้มีความเสถียรมากขึ้น”
นางกนกทิพย์ กล่าว
สำหรับแผนการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศ
จะเป็นการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงขยะ ประมาณ 7 โครงการ
ภายใต้บริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นโครงการรูปแบบ VSPP (Very Small
Power Producer) เพื่อเข้าร่วมโครงการรับซื้อไฟฟ้าของภาครัฐ
คาดว่าจะเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับการสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายในปีนี้ 1 โครงการ
ด้านนายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง กล่าวว่า แผนการลงทุนในต่างประเทศ
อยู่ระหว่างการศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม
ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เนื่องจาก TPCH ได้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท
แม่โขง พาวเวอร์ จํากัด (MKP) ในสัดส่วนร้อยละ 40 ที่ประกอบธุรกิจผลิต และจําหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใน
สปป.ลาว และ MKP ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 100 เมกะวัตต์ กับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) เรียบร้อยแล้ว
โดยมีระยะเวลา 25 ปีนับจากวันที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์
ปัจจุบันได้เซ็นสัญญากับผู้รับเหมาก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ภายในไตรมาส
4/2566
ขณะเดียวกันการลงทุนในประเทศกัมพูชา ปัจจุบันบริษัทฯ
อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาต ทั้งโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม
โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตรวมทั้ง 2 ประเภท ประมาณ 200-300
เมกะวัตต์ และตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตรวม 500 เมกะวัตต์
ภายในปี 2569 แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวล 90 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ 70 เมกะวัตต์
และโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมในต่างประเทศ 340 เมกะวัตต์
อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานของ TPCH ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566) มีกำไรสุทธิ 140.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 296%
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 35.36
ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,445.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 1,239.12 ล้านบาท
ขณะที่ งวดไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 29.32
ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 1,000% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ
1.63 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 659.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ที่มีรายได้รวมเท่ากับ 613.6 ล้านบาท
|