เอปสัน ปรับวิสัยทัศน์ในชื่อ “Epson 25 Renewed” กำหนดเป้าลดก๊าซคาร์บอนฯ ภายในปี 2050 พร้อมกับนำเทคโนโลยี Heat-Free
มาใช้ในเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท แทนระบบเลเซอร์ที่ค่อนข้างใช้พลังงานมาก โดยครั้งนี้เปิดตัว
3 รุ่น ได้แก่ AM-C4000 AM-C5000 AM-C6000 ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้ากลุ่มองค์กรได้เป็นอย่างดี
ด้วยความเร็วที่พิมพ์ได้ 60 หน้าต่อนาที
นายจุนคิชิ โยชิดะ
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจเครื่องพิมพ์ บริษัท ไซโก้ เอปสัน
คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ปรับวิสัยทัศน์ขององค์กร
โดยใช้ชื่อว่า Epson
25 Renewed ซึ่งระบุถึงการร่วมสร้างความยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชุมชน
ผ่านการเชื่อมโยงผู้คน สิ่งของ และข้อมูล
โดยใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมของเอปสันที่มีทั้งประสิทธิภาพ ขนาดกะทัดรัด
และความแม่นยำ ผสานกับเทคโนโลยีดิจิทัลเอาไว้ด้วยกัน
กุญแจสู่ความสำเร็จตามวิสัยทัศน์นี้ประกอบด้วยสิ่งแวดล้อม
กระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) และกระบวนการร่วมคิดร่วมสร้าง
โดยเอปสันให้ความสำคัญกับด้านการมีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและโลกใบนี้
ดังนั้นเป้าหมายของเอปสันคือ การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ
เป็นลบและไม่มีการใช้ทรัพยากรใต้ดินให้ได้ภายในปี 2050
โดยจะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ การให้บริการ
และตลอดซัพพลายเชน รวมทั้งนำระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืนเข้ามาใช้
และลงทุนกับกระบวนการใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งประกอบด้วย ด้านแรก Decarbonization หรือการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ
ด้วยการเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนในโรงงานผลิตของเอปสันทั่วโลกภายในปี
2023 ด้านที่สองคือ การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าด้วย Closed Resource
Loop หรือการใช้ทรัพยากรแบบวงปิด โดยลดขนาดและน้ำหนักของผลิตภัณฑ์
เน้นใช้วัสดุรีไซเคิล และยืดอายุการใช้งาน ด้านที่สามคือ การช่วยให้ลูกค้าลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้
ด้วยผลิตภัณฑ์ของเอปสันที่ถูกออกแบบให้กินไฟน้อยลง
ลดจำนวนวัสดุสิ้นเปลืองและชิ้นส่วนประกอบ และด้านที่สี่ การลดของเสียที่เกิดจากการใช้เครื่องพิมพ์ระบบอนาล็อก
โดยหันมาใช้เครื่องพิมพ์ระบบดิจิทัล ทั้งในสำนักงาน ในเชิงพาณิชย์
หรือระดับอุตสาหกรรม และสุดท้าย ซึ่งเป็นด้านที่บริษัทฯ ลงทุนมากที่สุด
ก็คือการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับแนวทางสร้างการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต
เอปสันได้มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าธุรกิจและลูกค้าองค์กรเป็นหลัก โดยจะไม่เพียงนำเสนอสินค้าหรือบริการที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น
แต่จะต้องสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย
ซึ่งเอปสันได้นำเสนอเทคโนโลยี Heat-Free ที่เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์แบบไม่ใช้ความร้อน
เพื่อช่วยลดการปลดปล่อยความร้อนรวมถึงก๊าซคาร์บอนฯ
ทั้งยังช่วยลดการใช้พลังงานในสำนักงานได้อีกด้วย
ทั้งนี้ จากผลการสำรวจของสำนักงานทั่วไปพบว่า การใช้เครื่องพิมพ์นั้นได้ใช้พลังงานมากเป็นอันดับ
4 รองจากเครื่องปรับอากาศ ไฟส่องสว่าง และคอมพิวเตอร์ ดังนั้นการนำเทคโนโลยี Heat-Free ที่สามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ได้มากถึง
85% จะช่วยให้องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น
เอปสันจึงได้ตัดสินใจยุติการจำหน่ายเครื่องพิมพ์เลเซอร์ และเปลี่ยนไปพัฒนาเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่สามารถสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาวได้มากกว่า
ซึ่งในวันนี้ บริษัทฯ มั่นใจในผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถครอบคลุมความต้องการงานพิมพ์ในตลาดได้อย่างครบถ้วน
ขณะที่นายซิ่ว จิน เกียด
กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาค เอปสัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า
นอกจากวิสัยทัศน์ในการเป็นองค์กรที่จะปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เป็นลบและปราศจากการใช้ทรัพยากรจากใต้ดินภายในปี
2050 แล้ว บริษัทฯ ยังมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ
ลงเพื่อให้สอดคล้องกับการรณรงค์จำกัดการเพิ่มอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกไม่ให้เกิน 1.5
องศาเซลเซียสภายในปี 2030
อีกทั้งยังได้ให้การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติด้วยเช่นกัน
วิสัยทัศน์สู่อนาคตที่ยั่งยืนตามที่กล่าวมายังมีอิทธิพลต่อการพัฒนาเทคโนโลยี
Heat-Free และโซลูชั่นรีไซเคิลกระดาษ
ดังจะเห็นตัวอย่างได้จากเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจของเอปสันที่เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์แล้วสามารถลดการใช้พลังงานได้มากกว่า
จึงเพิ่มความคุ้มค่าในการลงทุนให้กับลูกค้า อีกทั้งยังมีชิ้นส่วนประกอบภายในเครื่องน้อยกว่า
ทำให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์น้อยลง และปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ น้อยกว่า ในขณะที่ PaperLab
ของเอปสัน ก็เป็นระบบผลิตกระดาษแบบแห้งระบบแรกของโลก
ที่เปลี่ยนกระดาษใช้แล้วให้เป็นกระดาษใหม่ด้วยเทคโนโลยี Dry Fiber ของเอปสัน เป็นโซลูชั่นแบบออนดีมานด์ที่ทำให้บริษัทธุรกิจลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้
ด้วยการรีไซเคิลกระดาษที่ใช้ในสำนักงาน
“ดังนั้นเอปสันจึงขอยุติการจำหน่ายและกระจายสินค้าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในสิ้นเดือนธันวาคมปี
2023 และจะพัฒนาเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทระบบหัวพิมพ์ Heat-Free และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนจากนี้ไป
และในครั้งนี้ จะเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ในกลุ่มเครื่องพิมพ์เพื่อธุรกิจ
ที่จะช่วยเพิ่มทางเลือกสำหรับการพิมพ์คุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในสำนักงานให้กับธุรกิจอีกด้วย”
นายซิ่ว จิน เกียด กล่าว
ด้านนายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร
บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทของเอปสันที่ใช้เทคโนโลยี Heat-Free ได้รับความนิยมอย่างมากจากทุกตลาดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้
จนครองส่วนแบ่งตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทมากเป็นอันดับหนึ่งในปีที่ผ่านมา
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์ของตลาดที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกด้วย
ในส่วนของเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจของเอปสันมีสินค้าหลากหลายรุ่น
ตั้งแต่ระดับความเร็ว 24 หน้าต่อนาที ไปจนถึง 100 หน้าต่อนาที ทั้งแบบขาวดำและสี
สำหรับ Epson WorkForce Enterprise AM-Series ที่เปิดตัวครั้งนี้ เป็นเครื่องระดับกลาง ความเร็วขนาด 40-60 หน้าต่อนาที
เหมาะกับสำนักงานขนาดกลางและขนาดใหญ่ ที่มีปริมาณการพิมพ์ต่อเดือนประมาณ
10,000-20,000 แผ่น โดยเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจ Epson WorkForce
Enterprise AM-Series รุ่นใหม่นี้ ประกอบด้วย รุ่น AM-C4000 ที่พิมพ์เร็ว 40 หน้าต่อนาที รุ่น AM-C5000
ที่พิมพ์เร็ว 50 หน้าต่อนาที และรุ่น AM-C6000 ที่พิมพ์เร็ว
60 หน้าต่อนาที ซึ่งทั้งหมดเป็นเครื่องมัลติฟังก์ชันแบบ 4 สี
รองรับการพิมพ์ขนาดใหญ่สุดได้ถึง A3 โดยเครื่องพิมพ์ทั้ง 3
รุ่น ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ Heat-Free ซึ่งไม่ใช้ความร้อน
ใช้พลังงานต่ำ และมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ รวมถึงใช้วัสดุสิ้นเปลืองน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์
นอกจากนี้ยังถูกออกแบบระบบภายในให้สามารถใช้งานและบำรุงรักษาง่าย
เพราะมีชิ้นส่วนอะไหล่ที่ต้องดูแลรักษาน้อย ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน
รวมถึงมีการออกแบบหน้าจอการใช้งาน (User Interface) แบบใหม่
และยังรองรับการตรวจสอบและบำรุงรักษาจากระยะไกลผ่าน Epson Remote Services
(ERS) หรือระบบจัดการอุปกรณ์ผ่านระบบคลาวด์ของเอปสันอีกด้วย
เครื่องพิมพ์ AM-Series มีจุดเด่นที่ประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยม
สามารถพิมพ์งานด้วยความเร็วสูงได้อย่างต่อเนื่อง ให้งานพิมพ์ที่คมชัด สามารถใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์และอุปกรณ์เสริมต่างๆ
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดการเครื่องพิมพ์ได้อีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เย็บเอกสารทั้งแบบ เย็บลวด เย็บมุงหลังคา
หรือชุดป้อนกระดาษความจุสูง รวมถึงอุปกรณ์เจาะรูกระดาษ
นอกจากนี้เครื่องพิมพ์ยังได้รับการออกแบบใหม่ ให้มีดีไซน์ที่ทันสมัย
และมีขนาดที่เล็กลงเมื่อเทียบกับเครื่องรุ่นอื่น
ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้งานเพิ่มขึ้น
Epson WorkForce Enterprise AM-Series ทั้ง 3 รุ่นที่เปิดตัวในครั้งนี้
จะทำให้ไลน์สินค้าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจของเอปสันสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
และสามารถแข่งขันกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์
และในตลาดเครื่องถ่ายเอกสารได้อย่างทัดเทียมยิ่งขึ้น โดยในตลาดองค์กรธุรกิจ
เครื่องพิมพ์ที่ความเร็วการพิมพ์ระดับ 31- 60 หน้าต่อนาที เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่
ซึ่งเครื่องพิมพ์ AM-Series ที่ได้รับการออกแบบใหม่นี้
สามารถสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรของลูกค้าเอปสันได้ดีกว่า
ด้วยความความเร็วและคุณภาพงานพิมพ์ และความคุ้มค่าในการลงทุน
นอกจากนี้
เอปสันยังได้นำเสนอทางเลือกการใช้งานเครื่องพิมพ์เพื่อธุรกิจ
โดยนำเสนอบริการแบบระบบสมาชิก (Subscription) เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้งานผ่านโปร
Epson EasyCare 360
ที่ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์งานทั้งสีหรือหรือขาวดำ รวมถึงการบริการหลังการขายแบบ On-Site
Service ซึ่งมีให้เลือก 2
แบบตามความเหมาะสบกับการใช้งานของลูกค้าแต่ละราย ได้แก่ EasyCare 360 เหมา เหมา ที่ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์งานทั้งสีหรือหรือขาวดำได้สูงสุดถึง
120,000 แผ่น ในระยะเวลา 24 เดือน ด้วยการเหมาจ่ายเป็นรายเดือนเริ่มต้นที่ 790 บาท
และรับเครื่องที่ใช้อยู่ไปฟรีๆ หลังหมดสัญญา หรืออีกโปรแกรม EasyCare 360 Click Charged ที่ให้ผู้ใช้งานจ่ายค่าใช้จ่ายตามการใช้งานที่ใช้งานจริง
โดยสามารถเลือกทำสัญญาได้ทั้งแบบเช่าหรือแบบเช่าซื้อ
|