สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ บุกเบิก “ชุมชนแม่เหาะ” หมู่บ้านเล็กในหุบเขาที่ จ.แม่ฮ่องสอน ยกระดับศักยภาพชาวปกาเกอะญอ ให้สามารถสร้างอาชีพด้วยตนเอง เปิดแลนด์มาร์คใหม่ที่ยอดดอยสิงห์กับวิว 360 องศา และต่อยอดการปลูกกาแฟที่เจอข้อจำกัดให้มีมูลค่ามากขึ้น ถือเป็นเดสติเนชั่นใหม่ที่ทุกคนสามารถไปเช็คอินได้
คนทั่วไปมักจะได้เห็นภาพ Unseen จากที่ท่องเที่ยวที่แทบไม่เคยได้รับการโปรโมทผ่านทางโซเชียลมีเดีย และทำให้หลายๆ พื้นที่เริ่มได้รับความนิยม จนกระทั่งกลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่ต้องไปเยือนให้ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีชุมชนอีกเป็นจำนวนมากที่รอต้อนรับการมาเยี่ยมเยือนของผู้คน รวมถึงรอการพัฒนาจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ควรค่าแก่การมาสัมผัส
เฉกเช่น ชุมชนแม่เหาะ ในอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ชุมชนเล็กๆ ท่ามกลางหุบเขา ที่ในอดีตหลายคนอาจยังไม่รู้ว่า พื้นที่แห่งนี้มีของดีมากมายซ่อนอยู่ และมีศักยภาพเพียงพอที่จะผลักดันให้เป็นอีกหนึ่งชุมชนน่าเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของภาคเหนือ วันนี้ได้ถูกยกระดับทั้งในเชิงเศรษฐกิจ และในแง่มุมของวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ผ่านการจับคู่นวัตกรรมที่ตรงกับความต้องการของชุมชน ภายใต้โครงการหมู่บ้านนวัตกรรมเพื่อสังคม ของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ที่ได้นำ 4 นวัตกรรมสำคัญมาร่วมอัพเกรดกิจกรรมการท่องเที่ยว และช่วยเพิ่มคุณค่า และมูลค่าให้กับการบริการและผลิตภัณฑ์ของชุมชน
สำหรับนวัตกรรมแรกที่ NIA ได้ทำการจับคู่กับชุมชนคือ โครงการ “Green route Good life” เที่ยวแม่เหาะ ลัดเลาะชมวิถีกะเหรี่ยง จากบริษัท Local Alike ซึ่งเป็นนวัตกรรมการบริหารจัดการเส้นทางการท่องเที่ยว ผสมผสานกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ได้เชื่อมต่อหลายพื้นที่ให้มีความน่าสนใจมากขึ้น โดย Green route Good life ได้ช่วยทั้งการประชาสัมพันธ์ การพัฒนาแพลตเฟอร์มเพื่อเป็นตัวกลางในการประสานระหว่างนักท่องเที่ยวและชุมชนผ่านช่องทางออนไลน์และแอปพลิเคชั่น นำเสนอมุมมองที่น่าสนใจของชุมชนแห่งนี้ แต่สิ่งที่สำคัญที่ที่สุดคือ การจัดทำโมเดลการท่องเที่ยวให้กับคนในชุมชน ซึ่งในอนาคตประชากรในหมู่บ้านสามารถนำโมเดลเหล่านี้ไปเป็นแผนธุรกิจ สามารถบริหารจัดการกิจกรรมต่าง ๆ และออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวได้ด้วยตนเองต่อไป
สำหรับเส้นทางการท่องเที่ยวที่ Local Alike ได้จัดทำให้กับชุมชนแม่เหาะถือได้ว่าน่าสนใจไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการลิ้มลองรสชาติอาหารฝีมือชาวบ้าน ผสานกับการนำวัตถุดิบโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น ข้าวดอย ฟักทอง กาแฟ รวมถึงพืชผักเมืองหนาว รังสรรค์ออกมาเป็นอาหารจานเด็ด การพาชมวิวบนยอดดอยสิงห์ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,400 เมตร ที่ทำให้เห็นทั้งวิวทิวทัศน์ ทรัพยากรของชุมชน การเรียนรู้การต่อยอดผลิตภัณฑ์ชุมชน อาทิ การทำสบู่จากกาแฟ การคั่วกาแฟจากวิสาหกิจชุมชน ตลอดจนกิจกรรมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างการปลูกป่า
โครงการ “Green route Good life” ยังได้บูรณาการการทำงานร่วมกับโครงการ “แม่เหาะ 360 องศา” แพลตฟอร์มท่องเที่ยวชุมชนแม่เหาะเสมือนจริง ด้วยเทคโนโลยี VR (Virtual Reality : VR) ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบแพลตฟอร์มท่องเที่ยวเสมือนจริง ที่มีเนื้อหานำเสนอในรูปแบบภาพและวิดีโอ 360 องศา ประกอบไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญภายในชุมชน การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ภาพวิวทิวทัศน์
อีกหนึ่งนวัตกรรมที่เข้ามาช่วยยกระดับการท่องเที่ยวให้มีความทันสมัย และตื่นตาตื่นใจมากขึ้นคือ โครงการ “Sanuk@แม่เหาะ” แอ่วเมืองสามหมอกด้วย Sanuk AR ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยี Augmented Reality : AR นำเสนอภาพเสมือนจริง มาช่วยให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบเรื่องราวที่สำคัญของชุมชนแม่เหาะ นอกจากนี้ โครงการ Sanuk@แม่เหาะยังได้จัดทำ QR COCE เพื่อประกอบบนผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งเมื่อนักท่องเที่ยวสแกน QR CODE ก็จะได้รับทราบเรื่องราวหรือที่มาที่ไปของสินค้าชุมชน แต่ละชิ้นได้เช่นเดียวกัน
สำหรับชุมชนแม่เหาะนั้นสินค้าที่ต้องห้ามพลาดซื้อและต้องแวะไปทำกิจกรรมร่วมกับชาวบ้านนั่นก็คือ “กาแฟแม่เหาะ” ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ปลูกกันเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ในอดีตปัญหาสำคัญของการปลูกกาแฟในชุมชนแม่เหาะก็คือ ผลผลิตที่ปลูกได้ขึ้นอยู่กับนายหน้าว่าต้องการรับซื้อมากน้อยเพียงใด ไม่สามารถควบคุมคุณภาพหรือยืดอายุสินค้าได้เนื่องจากสภาพอากาศที่มีฝนตกชุก และแสงแดดไม่เพียงพอ
ดังนั้น NIA จึงได้สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมลดความชื้นและการอบแห้งผลิตภัณฑ์ เพื่อช่วยทั้งในการแปรรูปและการยืดอายุผลิตภัณฑ์ ลดปัญหาแสงแดดที่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้ในปัจจุบันกาแฟแม่เหาะมีดีมากกว่าการขายในรูปแบบกาแฟตากแห้ง หรือผลกาแฟสด รวมถึงช่วยให้มีผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทออกมาจำหน่ายให้กับผู้มาเที่ยวในชุมชน เช่น กาแฟคั่ว ชาดอกกาแฟ ที่มีกลิ่นหอมและเอกลักษณ์ด้านรสชาติเฉพาะตัว ต่อเนื่องไปถึงการขายผ่านช่องทางออนไลน์ และส่งตรงถึงบ้าน รวมถึงพัฒนาเป็นกิจกรรมการเวิร์คช็อปการคั่วกาแฟสด สร้างการเรียนรู้ที่ดีให้กับนักท่องเที่ยว
นายคุณาวุฒิ บุญญานพคุณ ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมเพื่อสังคม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กว่าวว่า “ชุมชนแม่เหาะ” เป็นดินแดนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีสิ่งที่มีศักยภาพต่อการนำนวัตกรรมเข้าไปช่วยยกระดับทั้งอัตลักษณ์ชาวปกาเกอะญอที่มีมากถึงร้อยละ 80 ของประชากรในพื้นที่จากจำนวนกว่า 8,000 คน มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ชุมชนที่สามารถนำมาแปรรูปได้อย่างหลากหลาย
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่การนำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีขั้นสูงเข้าไปยกระดับพื้นที่แห่งนี้เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องอาศัยศักยภาพของผู้คนในชุมชนที่พร้อมเรียนรู้ และมุ่งมั่นพัฒนาตนเอง ซึ่ง NIA มีความเชื่อว่าจากเดิมที่พื้นที่แห่งนี้เป็นเพียงชุมชนเล็กๆ ในพื้นที่ยากจน จะสามารถยกระดับตนเองให้เป็นพื้นที่ที่สามารถสร้างรายได้ด้วยนวัตกรรมและกิจกรรมต่างๆ ที่ NIA และผู้ประกอบการเข้าไปส่งเสริม และมั่นใจว่า “ชุมชนแม่เหาะ” จะเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชุมชนที่ต้องไปเยือนได้ในปีต่อๆ ไป
ต.ค. 63
|