นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (LEO) กล่าวว่า
“ภาพรวมของตลาด Self Storage ในภูมิภาคเอเชียมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นทั่วโลก
สำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพมหานครก็ได้รับปัจจัยหนุนมากมาย เช่น
ผู้ค้าขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หรือจำนวนยูนิตของโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้านและคอนโดที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ไลฟ์สไตล์ของคนมีความหลากหลายมากขึ้น
รวมทั้งการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว และการจัดงานอีเว้นท์ต่างๆ
ดังนั้นปัจจัยเหล่านี้เป็นตัวที่สะท้อนถึงความต้องการที่สูงขึ้นของธุรกิจพื้นที่ห้องเก็บของให้เช่าได้เป็นอย่างดี
จึงเป็นที่มาของ “LEO Self Storage” สาขาที่ 2 หรือสาขาไชน่าทาวน์
ภายใต้คอนเซ็ปต์ “LIFESTYLE STORAGE” แห่งแรกของประเทศไทย”
สำหรับ LEO Self Storage สาขาไชน่าทาวน์
ถือเป็นแฟล็กชิพสโตร์ที่ครบวงจรที่สุด ด้วยเงินลงทุนประมาณ 40 ล้านบาท
ตั้งอยู่ที่ซอยเจริญกรุง 31 ให้บริการห้องเก็บของขนาดตั้งแต่ 1-30 ตารางเมตร จำนวน
200 ห้อง ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ Lock Block ตู้เก็บของขนาด
1 ตร.ม. รวมทั้งห้องเก็บของติดแอร์ และแบบไม่ติดแอร์ และห้องเก็บของ Lifestyle
Storage ซึ่งจะมีทั้งห้องแบบกระจกสำหรับเอาไว้โชว์ของสะสม หรือแบบห้องทึบเก็บของใช้ส่วนตัว
โดยลูกค้าสามารถเปิด-ปิด ประตูห้องผ่านแอปพลิเคชั่นบนมือถือได้โดยไม่ต้องพกกุญแจ มีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด
24 ชั่วโมง สัญญาณกันขโมยทุกห้อง และ CCTV กว่า 100 ตัว
ทั่วอาคาร
“
ต่อไป Self Storage ที่ไชน่าทาวน์อาจจะมีอุปกรณ์สำหรับไลฟ์ขายของให้กับผู้ที่ทำธุรกิจอี-คอมเมิร์ซมาใช้งาน
และเก็บสินค้าไว้ที่ห้องเก็บของเลย
รวมถึงจะเพิ่มการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาในย่านเยาวราช
ได้นำกระเป๋าใบใหญ่มาเก็บไว้ ก่อนที่จะเดินทางไปยังจุดหมายต่างๆ” นายเกตติวิทย์ กล่าว
บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดให้บริการ “LEO Self Storage” สาขาที่
3 และ 4 ภายในปี 2566 โดยสาขาที่ 3 จะเป็นการลงทุนร่วมกับบริษัท เอสเค แอสเส็ท
แมนเนจเม้นท์ จำกัด ที่เป็นบริษัทในเครือของบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
(มหาชน) ซึ่งต่อไปจะมีการพัฒนาเพิ่มสาขาในพื้นที่ที่เหมาะสมเพิ่มขึ้นอีกด้วย
สำหรับสถานที่ในการขยายสาขาของ LEO Self Storage ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บมจ. ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ กล่าวว่า ยังคงโฟกัสพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ
เป็นหลัก เนื่องจากยังมีความต้องการในการใช้บริการจากผู้บริโภคอีกมาก และธุรกิจนี้ก็ยังมีความท้าทายตรงที่
การหาสถานที่ที่เหมาะสม มีคนพลุกพล่าน และต้นทุนค่าเช่าต้องคุ้มค่า ซึ่งหลังจากนี้จะตั้งเป้าเปิด Self
Storage ให้ได้อย่างน้อยปีละ 2 สาขา