นายกฤษณะกร
เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด หรืออาวดี้
ประเทศไทย เปิดเผยว่า การเป็นผู้นำตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพรีเมี่ยม ด้วยการนำยนตรกรรมตระกูล
RS เข้ามาในตลาด ประกอบกับคุณภาพมาตรฐานการบริการหลังการขาย
และการสนับสนุนของ AUDI AG ส่งผลทำให้ยอดจำหน่ายรถยนต์อาวดี้ในทุกเชกเมนต์ในปี
2564 ที่ผ่านมาเติบโตสวนกระแส All Time High เกินความคาดหมาย
ด้วยยอดขาย 1,308 คัน หรือเติบโตขึ้น 30%
รถยนต์พรีเมี่ยมสปอร์ตสมรรถนะสูงตระกูล
RS ที่ได้ชื่อว่าเป็นซุปเปอร์คาร์ราคาจับต้องได้
คือมียอดจำหน่ายคิดเป็นร้อยละ 10 ของยอดจำหน่ายรวม
หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ ยอดขาย Audi ทุกๆ 10 คัน จะเป็นรถในตระกูล RS 1 คัน ขณะที่รถยนต์รุ่น A5 และ Q3 และรุ่นพรีเมี่ยมสปอร์ต Audi TT
Coupe ไอคอนตลอดกาลของอาวดี้ เป็นสามรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงต่อเนื่อง
โดยมียอดจำหน่ายในปี 2564 รวมมากกว่า 70% ของยอดขายรวม ส่วนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพรีเมี่ยม ซึ่งอาวดี้เป็นผู้นำตลาด “Audi
e-tron” ที่อาวดี้นำเข้ามาจำหน่ายทั้ง 3
รุ่นนั้น ก็สามารถทำยอดขายได้อย่างน่าพอใจ
ถึงแม้จะประสบปัญหาจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ก็ตาม
“ขอบคุณลูกค้าอาวดี้ที่ให้ความเชื่อมั่น
และให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีมาตลอด 5 ปี ภายใต้การบริหารงานโดย
บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด อาวดี้
ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
จนอาจเรียกว่าเป็นกระแสอาวดี้ก็คงจะไม่ผิด เห็นได้จากจำนวนรถยนต์ Audi บนท้องถนน และยอดส่งมอบรถยนต์อาวดี้
ที่ขณะนี้ได้ส่งมอบให้ลูกค้าในประเทศไทยไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 4
พันคัน” นาย กฤษณะกร กล่าว
สำหรับทิศทางและแผนการดำเนินงานปี
2565 ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาวดี้ ประเทศไทย
กล่าวว่า ในด้านผลิตภัณฑ์มีแผนขยายตลาดด้วยเทคโนโลยียนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดจาก AUDI
AG ซึ่งจะทยอยนำเข้ามาอีกกว่า 10 รุ่น
รวมถึงรถในตระกูล RS เพื่อเป็นทางเลือกตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะนำเข้ารถพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดเข้ามาเสริม
โดยคาดว่าในปีนี้มีรถทุกเซ็กเมนต์ให้ลูกค้าได้เลือก ส่วนทางด้านโชว์รูม
และศูนย์บริการมีแผนที่จะขยายการบริการให้คลอบคลุมทั่วประเทศ
โดยจะมีการเปิดดีลเลอร์เพิ่มอีกอีกอย่างน้อย 2 แห่ง
เพื่อรองรับการเติบโตของลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ และภาคเหนือ
ในส่วนของแคมเปญส่งเสริมการขาย
ซึ่งเป็นจุดเด่นในการทำตลาดของอาวดี้ เพื่อให้ลูกค้าได้พิจารณาตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์
โดยในแต่ละช่วงจะมีการทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ ทั้งลิสซิ่ง ธนาคาร
แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ และอื่นๆ
เพื่อจัดแคมเปญพิเศษมาให้ลูกค้าได้เข้าถึงแบรนด์อาวดี้ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
ในด้านการบริการหลังการขายที่เป็นความมุ่งมั่น
และเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตของอาวดี้มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง
ถึงแม้ว่าจะประสบปัญหาโควิด-19 อาวดี้ก็ยังมีการลงทุนต่อเนื่องทั้งในส่วนของโชว์รูม และศูนย์บริการ
โดยในปี 2564 ก็ได้เปิด อาวดี้ ราชพฤกษ์ และ อาวดี้ อุดรธานี
ในส่วนของบุคลากร อาวดี้ก็ยังคงมีการฝึกอบรมและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
จนทำให้มีช่างวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ผ่านการรับรองจาก AUDI AG เพิ่มเติมอีกนับ 10 รายในปี 2564
เพื่อให้ลูกค้าสามารถมั่นใจในคุณภาพมาตรฐานการบริการเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้าได้อย่างสูงสุด
ตลอดจนมีแผนออกเซอร์วิสแคมเปญโดนใจเพื่อสร้างความอุ่นใจให้ลูกค้าในการขับขี่
จนทำให้ยอดขายอะไหล่ และบริการเติบโตขึ้นกว่า 26% ในปี 2564 เช่นเดียวกัน
“แม้ว่าจะเจอสถานการณ์ความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ตั้งแต่ต้นปี 2565 แต่ก็มั่นใจว่าจากกลยุทธ์ เขย่าพอร์ต
ซึ่งมีรถพรีเมียมให้ลูกค้าได้เลือกในราคาไม่ถึง 3 ล้านบาท
แผนการรุกตลาดทุกด้าน
รวมถึงการปรับแผนการตลาดแบบเข้าถึงกลุ่มลูกค้าจากหลากหลายช่องทาง
และความแข็งแกร่งของแบรนด์ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และคุณภาพที่เหนือกว่าของยนตรกรรมอาวดี้
ในปี 2565 ซึ่งเป็นปีที่ 6
ของการทำตลาดของอาวดี้ประเทศไทย จะเป็นอีกปีที่อาวดี้สามารถสร้างสถิติ All
Time High ได้อีกครั้ง โดยตั้งเป้าเติบโตที่ประมาณ 15-20%”