บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ผลงาน Q2/67 ได้ตามเป้า มีรายได้รวม 2,640 ล้านบาท โดยมีโครงการหลักที่ทยอยโอนกรรมสิทธิ์ อาทิ นิว โนเบิล รัชดา ลาดพร้าว , นิว คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง ขณะที่ยอดขาย 6 เดือนแรกปีนี้ ทำไป 5,600 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติถึง 60% เช่นเดียวกับโครงการ “ดิ เอ็มบาสซี ไวร์เลส” ที่ได้การตอบรับอย่างดี ส่วนบ้านราคา 5 ล้าน ที่เป็นสินค้าหลัก มีความต้องการอยู่แล้วจากลูกค้าที่มีกำลังซื้อ เพียงรอจังหวะที่เหมาะสม
นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (NOBLE) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีแรกปี 2567 แม้ว่ากำลังซื้อภายในประเทศจะชะลอตัว หนี้ครัวเรือนจะเพิ่มขึ้น และภาวะดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับที่สูง รวมทั้งสถาบันการเงินก็เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ แต่บริษัทฯ ยังสามารถดำเนินงานได้ตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งสะท้อนถึงงบไตรมาส 2/2567 โดยมีรายได้รวมที่ 2,640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิที่ 124 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จึงส่งผลให้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมที่ 4,425 ล้าน และมีกำไรสุทธิที่ 203 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10 % โดยสาเหตุที่ผลประกอบการเติบโตขึ้น มาจากการส่งมอบยอดขายรอโอนที่มีอยู่ในมือ
โครงการไฮไลท์ที่สร้างยอดโอนกรรมสิทธิ์ให้บริษัทฯ มาจาก 2 โครงการที่ทยอยโอนเป็นหลักในช่วงครึ่งปีแรก ได้แก่ 1.โครงการ นิว โนเบิล รัชดา ลาดพร้าว (เป็นโครงการร่วมทุน) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 1,800 ล้านบาท และสามารถโอนได้แล้ว 1,700 ล้านบาท และ 2.โครงการ นิว คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง ที่เพิ่งสร้างเสร็จและเริ่มมีการโอน ในไตรมาส 2/2567 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่โอนต่อเนื่องอื่นๆ เช่น โครงการ โนเบิล อราวน์ อารีย์ โครงการ โนเบิล สเตท 39 และโครงการ นิว โนเบิล ไฟฉาย-วังหลัง รวมถึงโครงการแนวราบอื่นๆ
ขณะที่ยอดขาย (Presale) ช่วงหกเดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้ที่ 5,600 ล้านบาท โดยหลักๆ มาจากยอดขายจากลูกค้าต่างชาติที่เติบโตสูง ซึ่งครึ่งปีแรกมีสัดส่วนยอดขายจากลูกค้าต่างชาติสูงเฉลี่ย 60% ของยอดขายทั้งหมด ส่งผลให้บริษัทฯ วางกลยุทธ์ขยายตลาดโดยเฉพาะชาวต่างชาติ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นสอดรับกับการเพิ่มโอกาสในการขายที่อยู่อาศัยของบริษัทฯ ซึ่งในปี 2563 บริษัทฯ มียอดขายจากลูกค้าต่างชาติที่ 1,800 ล้านบาท
ส่วนในปี 2566 ยอดขายต่างชาติเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 5,300 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตมากกว่า 2 เท่าตัว ส่วนในไตรมาส 1/2567 มียอดขายต่างชาติที่ 2,200 ล้านบาท และในไตรมาส 2/2567 มียอดขายต่างชาติที่ 1,100 ล้านบาท
สำหรับโครงการที่สร้างยอดขายได้ดีในช่วงครึ่งปีแรก คือ โครงการ The Embassy Wireless (ดิ เอ็มบาสซี ไวร์เลส) ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับกลุ่ม “ฮ่องกงแลนด์” โดยโครงการดังกล่าวมียอดขายจากลูกค้าต่างชาติสูง นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทฯ มีการเปิดตัวโครงการใหม่แล้ว จำนวน 2 โครงการ เป็นโครงการแนวราบประเภทบ้านเดี่ยว ประกอบด้วย 1.โครงการ โนเบิล นอร์ส กรุงเทพกรีฑา และ 2.โครงการ นิว เฌด ราชพฤกษ์ - แจ้งวัฒนะ ซึ่งแต่ละโครงการมีกระแสตอบรับที่ดี
อย่างไรก็ตาม ทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ โดย ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2567 บริษัทฯ มียอดขายรอโอนในมือรวมมูลค่าประมาณ 21,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 กว่า 6,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกกว่า15,000 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ถึงปี 2570 ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีสินค้าพร้อมขายในมืออีกมาก ซึ่งเพียงพอสำหรับรองรับความต้องการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากต้องมีการพัฒนาพื้นที่นั้นๆ บริษัทฯ ก็พร้อมดำเนินการได้ทันที
นายธงชัย กล่าวสรุปว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงครึ่งปีหลังนี้ โดยเฉพาะบ้านในระดับต่ำกว่า 5 ล้านบาทมีแนวโน้มชะลอตัว ส่วนในระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าหลักของ NOBLE ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่กลุ่มดังกล่าวเกิดการชะลอการตัดสินใจซื้อ เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้มีกำลังซื้ออยู่แล้ว เพียงแค่รอจังหวะเวลาในการซื้อ ซึ่งหากราคาและสินค้าได้ตามความต้องการ ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวก็จะตัดสินใจซื้อทันที
ส่วนการแข่งขันของตลาดอสังหาฯ ในช่วงครึ่งปีหลัง มองว่ายังคงมีการแข่งขันที่สูง อาทิ การออกแคมเปญทางการตลาด การออกโปรโมชั่นจากกลุ่มผู้ประกอบการเพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งจังหวะนี้ถือเป็นโอกาสสำหรับคนที่มีกำลังซื้อ และหากมีมาตรการลดดอกเบี้ยลง ก็น่าจะทำให้การตัดสินใจซื้อดีขึ้นด้วย
|