กลุ่มบริษัทบางจาก สร้างหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนจากน้ำมันพืชใช้แล้ว
SAF เป็นรายแรกในประเทศไทย
โดยจะเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 4 ปี 2567 ซึ่งหลายประเทศได้เริ่มใช้ SAF ผสมลงไปในน้ำมันอากาศยานแล้ว เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนฯ
สู่ชั้นบรรยากาศตามแผนขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
ถือเป็นก้าวสำคัญที่ได้มีพิธีลงนามสัญญาก่อสร้างหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนจากน้ำมันพืชใช้แล้ว
SAF (Sustainable Aviation Fuel) รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย
ระหว่าง บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (บริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ธนโชค ออยล์
ไลท์ จำกัด กับ บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจกับบางจากฯ
มากว่า 20 ปี
การก่อสร้างหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนจากน้ำมันพืชใช้แล้ว
SAF เป็นการร่วมสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศตามแผนขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ
(International Civil Aviation Organization : ICAO) ซึ่งทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับ
SAF เป็นอย่างมากในฐานะเชื้อเพลิงสำคัญที่จะช่วยบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์
เช่น เมื่อปีที่แล้ว สหรัฐอเมริกาได้กำหนดกฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อ (Inflation
Reduction Act of 2022 – IRA) สร้างแรงจูงใจและสนับสนุนผู้ผลิตด้วยการกำหนดภาษีในการผลิต
1.75 เหรียญสหรัฐต่อแกลลอน
ขณะที่ประเทศในทวีปยุโรปมีการใช้มาตรการบังคับให้ผสม
SAF ลงไปในน้ำมันอากาศยานทั่วไปในสัดส่วนอย่างน้อย
2% ในปี 2568 และกำหนดให้เพิ่มเป็น 5% ในปี 2573 จนถึงปี 2593 ที่ต้องผสมอยู่ที่
70%
ส่วนประเทศญี่ปุ่นก็ตั้งเป้าหมายให้เครื่องบินสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ใช้สนามบินญี่ปุ่นจะต้องมีสัดส่วนการใช้
SAF อยู่ที่ 10% ภายในปี 2573
สำหรับหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน SAF ในโรงกลั่นน้ำมันบางจาก
จะใช้เทคโนโลยีในการปรับสภาพน้ำมันพืชใช้แล้ว (Pre-Treatment) ของบริษัท Desmet ประเทศมาเลเซีย
โดยรวบรวมน้ำมันพืชใช้แล้วจากครัวเรือนและภาคธุรกิจผ่านโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง”
และช่องทางอื่นๆ และเทคโนโลยีกระบวนการกำจัดออกซิเจน
ปรับเปลี่ยนโครงสร้างและแตกโมเลกุลด้วยไฮโดรเจนด้วย UOP Ecofining Technology
ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เป็นโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพสำหรับการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนของบริษัท
Honeywell UOP ประเทศสหรัฐอเมริกา มีกำลังการผลิต 1,000,000
ลิตรต่อวัน คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนได้ภายในไตรมาส
4 ปี 2567
การลงนามดังกล่าวมีนายธรรมรัตน์ ประยูรสุข
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมัน บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกรรมการบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด และ
นายวันชัย รตินธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีทีซีแอล
จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมลงนาม และมี นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นางเกว็นโดลิน คาร์ดโน อัครราชทูตที่ปรึกษา
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย พร้อมด้วย นายแบร์รี่ กลิคแมน
ผู้จัดการทั่วไป Sustainable Technology Solutions บริษัท Honeywell
UOP สหรัฐอเมริกา นาย คู เกี๊ยก เกิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท Desmet
(ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีน) ร่วมเป็นสักขีพยาน
และผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้เกียรติร่วมงาน
นายชัยวัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนและร่วมผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าที่มีนัยสำคัญยิ่งในวันนี้
การลดการปล่อยคาร์บอนนับเป็นภารกิจสำคัญของทุกภาคส่วน
หน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน SAF เป็นอีกหนึ่งก้าวที่สะท้อนรูปธรรมที่ชัดเจนของการดำเนินงานตามแผน
BCP 316 NET ของบางจากฯ
เพื่อไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี
2573 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ในปี 2593 และยังเป็นการบูรณาการในการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Economy Model
ทั้ง 3 ด้าน คือเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว
เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตควบคู่กับการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุลและยั่งยืน
ทั้งนี้
สามารถนำน้ำมันพืชใช้แล้วมาขายในสถานีบริการน้ำมันบางจากและจุดรับซื้อในโครงการ
“ทอดไม่ทิ้ง” เพื่อนำไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน SAF ช่วยรักษาสุขภาพ
ปกป้องสิ่งแวดล้อม และสร้างรายได้เสริมอีกด้วย
|