บมจ.คิวทีซี
เอนเนอร์ยี่ เผยค่าไฟแพงเป็นเหตุ ธุรกิจเอสเอ็มอี ต่างหันมาติดโซลาร์เซลล์ จึงประเมินว่า
ปีนี้จะมียอดขายโซลาร์ที่ 250 ล้านบาท ส่วนสถานีชาร์จไฟจะเปิดเบื้องต้น 4 แห่ง เช่นเดียวกับ
EV Wallbox รอรับทรัพย์
50 ล้าน จากกระแสตอบรับที่ดีในการติดตั้งตามที่อยู่อาศัย หรือห้าง ทางด้านงานหม้อแปลงก็แรงไม่แพ้กัน
มีแบ็กล็อกแล้ว 410 ล้าน และคาดว่าจะมีงานใหม่เข้าอีกประมาณ 300 ล้านบาท
นายพูลพิพัฒน์
ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (QTC) เปิดเผยว่า ทิศทางภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีแรกปี
2565 มีการเติบโตตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ จากความมุ่งมั่นขยายการลงทุนในส่วนของธุรกิจเทรดดิ้ง
ภายใต้การเป็นตัวแทนจำหน่ายโซลาร์เซลล์ให้กับ LONGI Solar และ
Trina Solar และเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Inverter ให้กับ Huawei ที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง
เนื่องจากผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางเริ่มหันมาให้ความสำคัญเรื่องการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาเพิ่มขึ้น
จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้อัตราค่าไฟฟ้าปรับตัวขึ้นตาม
ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันมาบริหารต้นทุนเพื่อลดค่าใช้จ่าย
ดังนั้น จึงคาดว่าในปีนี้บริษัทฯ จะมียอดขายโซลาร์เซลล์
เพิ่มสูงขึ้นกว่า 20% หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจการจำหน่ายโซลาร์เซลล์ และ
Solar Inverter ประมาณ
250 ล้านบาท จากปัจจุบันบริษัทฯ มียอดออเดอร์แล้วกว่า 150 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจด้านพลังงานอย่างครบวงจรมากขึ้น
มีการลงทุนในธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) ที่ได้ร่วมมือกับบริษัท
ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) ภายใต้บริษัทร่วมทุน “พีพีดับบลิวอี” (PPWE) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการเตรียมเปิด 2
สถานีแรกที่จังหวัดนครราชสีมา (โคราช) ทั้งขาเข้า และขาออก
โดยเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 3/2565 นี้
และเตรียมทยอยดำเนินการอีก 2 สถานี ภายในไตรมาส 4/2565
ซึ่งจะส่งผลให้ภายในปีนี้จะมี EV Charging Station จำนวน 4
สถานี 12 หัวจ่ายตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ขณะที่ความร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(กฟผ.) ในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV แบรนด์ Wallbox
นั้น ภายในไตรมาส 3/2565 จะทยอยดำเนินการตามที่วางไว้
ซึ่งมั่นใจว่าจะได้การตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าที่สนใจในการติดตั้งอุปกรณ์เครื่องอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
อาทิ ที่อยู่อาศัย ห้างสรรพสินค้า รวมถึงสถานีอัดประจุไฟฟ้า เป็นต้น
โดยตั้งเป้ายอดขายในระยะแรกไว้ประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งผลิตภัณฑ์ EV แบรนด์ Wallbox ถือเป็นแบรนด์ที่กลุ่มผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าต่างให้ความมั่นใจในคุณภาพ
สามารถรองรับความต้องการได้ในระยะยาว
และที่สำคัญการใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังสามารถช่วยในเรื่องของการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศอีกทางหนึ่ง
เพื่อก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้ในอนาคต
นายพูลพิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า
สำหรับแนวโน้มธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังสถานการณ์โควิด-19
เริ่มผ่อนคลาย ประกอบกับมาตรการเปิดประเทศ
รวมถึงแผนนโยบายขับเคลื่อนการลงทุนของภาครัฐ
ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว
โดยจะเห็นได้จากภาครัฐบาลและเอกชน มีการทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ๆ โครงการทดแทนของเก่าที่หมดอายุโดยเปิดให้มีการประมูลงานมากยิ่งขึ้น
ส่งผลให้ความต้องการใช้หม้อแปลงไฟฟ้ารวมถึงงานด้านบริการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คาดว่าครึ่งปีหลังปีนี้จะสามารถมีงานเข้ามาประมาณ 300–500 ล้านบาท
จากปัจจุบันที่มีออเดอร์ในมือ (Backlog) อยู่ที่ระดับ 410 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ
ประเมินอัตราการเติบโตรายได้ในปีนี้ แตะระดับ 1,200 ล้านบาท
ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทฯ วางไว้
ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
บริษัทฯ ได้เดินสายเพื่อนำเสนอข้อมูลและสินค้าในกลุ่มพลังงานให้กับกลุ่มลูกค้าได้รับทราบ
หลังจากที่ได้มีการขยายการลงทุนใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งในส่วนของธุรกิจเทรดดิ้ง รวมถึงการเป็นตัวแทนการจำหน่ายโซลาร์เซลล์ ธุรกิจ EV ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงโอกาสในการต่อยอดธุรกิจสู่การเป็นผู้นำด้านพลังงาน
ภายใต้การนำนวัตกรรมระบบหม้อแปลงไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Transformer
Monitoring System) ที่มีการให้บริการแบบครบวงจรทุกมิติ
ทั้งหม้อแปลงไฟฟ้า Super low loss – โซลาร์เซลล์ – EV
Charging Station และในเร็วๆ นี้พร้อมผลิต EV Charger ภายใต้แบรนด์ QTC อีกด้วย
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการเติบโตแบบยั่งยืนในระยะยาว