จากรายงานของ World Sleep Society พบว่า
การนอนอย่างมีคุณภาพช่วยส่งผลต่อคุณภาพและการดำรงชีวิตในเวลากลางวันของมนุษย์ได้มากกว่าการนอนแบบนับชั่วโมง
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้
คนเมืองเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการนอนอย่างมีคุณภาพกันมากขึ้น
ทำให้สินค้าที่ช่วยเรื่องการนอนออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก
รวมไปถึงหมอนและที่นอนยางพาราด้วย
ที่น่าสนใจคือ ที่นอนยางพาราที่มีฉลาก “Made in Thailand” เป็นที่ถูกใจของนักช้อปออนไลน์ในประเทศจีนมานานแล้ว
โดยแบรนด์ที่เข้าสู่ตลาดช่วงแรกๆ คือ Nittaya จากกรุงเทพฯ
ที่เริ่มต้นขายใน ทีมอลล์ โกลบอล (Tmall Global) แพลตฟอร์ม B2C
ของอาลีบาบาสำหรับสินค้านำเข้า ตามคำแนะนำของกระทรวงพาณิชย์
ประเทศไทย เมื่อเดือนเมษายน ปี 2558 ปัจจุบัน แบรนด์ Nittaya
อยู่มานานถึง 36 ปี
และไม่นานหลังจากที่เข้าร่วมบนแพลตฟอร์ม
ก็ประสบความสำเร็จจากการขายที่นอนยางพาราไปมากกว่า 20
ล้านหยวน หรือกว่าหนึ่งร้อยล้านบาท จากมหกรรมสินค้าเซลล์ที่จัดร่วมกับ ทีมอลล์
โกลบอล
หมอนและที่นอนยางพาราได้กลายเป็นสินค้าซิกเนเจอร์ของประเทศไทยและเป็นสินค้าที่กำลังเติบโตใน
ทีมอลล์ โกลบอล ในช่วงมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา ครึ่งหนึ่งของสินค้าแบรนด์ไทยที่ขายดีที่สุด 10 อันดับแรกบนแพลตฟอร์มคือ ผู้ขายที่นอนยางพารา
โดยภายในแคมเปญสามวันที่จัดโดยแผนกสินค้าในครัวเรือนของ ทีมอลล์ โกลบอล
ในเดือนธันวาคม 2564 นั้น
สินค้าเตียงยางพารามียอดขายเพิ่มขึ้น 180% เมื่อเทียบปีต่อปี
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มาจากประเทศไทย
เสน่ห์ของที่นอนยางพารา
ปัจจัยแรกและปัจจัยสำคัญที่ทำให้หมอนและที่นอนยางพาราของไทยเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวจีนคือ
ประโยชน์ในด้านสุขภาพ
หมอนและที่นอนที่ผลิตจากน้ำยางธรรมชาติจะทำให้นอนสบายและสามารถระบายอากาศได้ดี
อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรียและป้องกันไรฝุ่นอีกด้วย นอกจากนี้
ยังช่วยปกป้องคอและกระดูกสันหลังได้ดี เพราะมีความยืดหยุ่นสูง
และยังสามารถรองรับคนที่มีน้ำหนักต่างกันหรือคนที่มีท่านอนแตกต่างกันได้
ข้อดีอีกประการหนึ่งคือ
น้ำยางเป็นวัสดุหมุนเวียนจากธรรมชาติ สามารถกรีดได้จากต้นยางโดยไม่ต้องตัดต้นไม้
ทำให้ขั้นตอนการผลิตมีความยั่งยืนและปราศจากคาร์บอน ด้วยเหตุนี้
จึงเป็นทางเลือกที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคที่ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
นอกจากนี้
ประเทศไทยยังมีสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร
ซึ่งเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นยางและการผลิตน้ำยางชั้นดี
อีกทั้งประเทศไทยยังมีแสงแดดที่เพียงพอ ปริมาณน้ำฝนที่อุดมสมบูรณ์
อุณหภูมิเฉลี่ยต่อปีประมาณ 25-27 °C และยังมีความชื้นสัมพัทธ์สูงกว่า 80% ตลอดหลายเดือน ด้วยเหตุนี้ คำว่า “Made in Thailand” ที่ติดอยู่บนฉลากสินค้า จึงเป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพของชาวจีนที่มองหาหมอนและที่นอนยางพาราคุณภาพสูงที่ต้องการ
ปลูกฝังจิตสำนึกให้แก่ผู้บริโภค
ผู้บริโภคชาวจีนให้ความสำคัญกับการนอนอย่างมีคุณภาพ
ควบคู่ไปกับคุณภาพชีวิตโดยรวมที่เพิ่มขึ้น จึงเป็นที่คาดการณ์ว่า
ตลาดสินค้าหมอนและที่นอนยางพาราของไทยอาจเติบโตขึ้นได้อีก อย่างไรก็ตาม
ในตลาดแมสบนโลกออนไลน์ ผู้ซื้ออาจยังไม่รู้จักเกี่ยวกับสินค้าที่นอนยางพารา
ดังนั้นการศึกษาผู้บริโภคจึงเป็นก้าวแรกในการประสบความสำเร็จด้านอีคอมเมิร์ซ
การศึกษาผู้บริโภคเป็นสิ่งที่ ทีมอลล์ โกลบอล
ทำงานร่วมกับพันธมิตรแบรนด์มาโดยตลอด เช่น ในวันนอนหลับโลกเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา
ทีมอลล์ โกลบอล ได้ร่วมมือกับแบรนด์สินค้ายางพารามากมาย รวมไปถึงแบรนด์ JACE
ผ่านแคมเปญส่งเสริมการขายหลายช่องทาง
โดยให้ความสำคัญกับบทบาทของหมอนและที่นอนที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในการนอนอย่างมีคุณภาพ
ซึ่งได้สนับสนุนหมอนกับที่นอนยางพาราธรรมชาติจากประเทศไทยอีกด้วย นอกจากนี้
ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆ ที่นำเสนอสินค้ายางพาราจากประเทศไทย อย่างงาน 11.11
Global Shopping Festival เมื่อปีที่แล้ว ที่จัดโดย ทีมอลล์ โกลบอล
เป็นต้น
นับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์บน ทีมอลล์ โกลบอล ในปี 2562 แบรนด์ JACE
สามารถทำยอดขายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มได้เกิน 156 ล้านหยวน หรือกว่าแปดร้อยล้านบาท ภายในปีเดียวเท่านั้น
ความสำเร็จดังกล่าว ส่วนหนึ่งมาจากการทำงานร่วมกับ ทีมอลล์ โกลบอล
ในด้านการตลาดเนื้อหาและการสร้างเทรนด์ให้แก่สินค้า
ด้วยสินค้าที่มีจุดขายที่โดดเด่นอย่างน้ำยางธรรมชาติ 95%
ที่ได้มาจากสวนยางพาราในจังหวัดสุราษฎร์ธานี
อนาคตของที่นอนยางพาราจากประเทศไทยจะเป็นอย่างไร?
การเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซของจีนเปรียบเสมือนการเดินทางที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
แม้จะเป็นแบรนด์ที่ติดตลาดไปแล้วอย่างแบรนด์ Nittaya หรือ JACE ก็ตาม ในมุมมองของแบรนด์ Nittaya ผู้บริโภคชาวจีนมีความต้องการที่หลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งเป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ
และการสร้างความหลากหลายให้แก่สินค้าในแต่ละแบรนด์ก็ทำให้มีสินค้าที่สวยงามและน่าสนใจเกิดขึ้นมากมาย
จากการคาดการณ์แนวโน้มดังกล่าว บริษัทจึงได้พัฒนาสินค้าหมอนและที่นอนยางพาราใหม่ๆ
ที่เจาะกลุ่มผู้บริโภคเฉพาะ เช่น หมอนรองเอวสำหรับหญิงตั้งครรภ์
หมอนสำหรับเด็กพิมพ์ลายการ์ตูน เสื่อโยคะ และหมอนสำหรับงีบบนโต๊ะทำงาน
ในทางกลับกัน แบรนด์ JACE ก็ยังตระหนักถึงการเพิ่มขึ้นของคนวัย
Gen Z ในฐานะที่เป็นผู้บริโภคหลักในประเทศจีน
โดยเจาะไปยังกลุ่มผู้บริโภคที่อายุน้อยลงและทำความเข้าใจถึงความต้องการเฉพาะของพวกเขา
แบรนด์ยังมุ่งเน้นไปที่การหาแนวทางในการใช้สินค้าที่หลากหลายสถานการณ์
เพื่อสร้างความแตกต่างให้ตัวเองจากคู่แข่งท่ามกลางแบรนด์ผู้บริโภคใหม่ๆ
ที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้นกระแสผู้บริโภคชาวจีนที่มองหาสินค้าที่ทำให้สุขภาพดีและยั่งยืนมากขึ้น
รวมไปถึงการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซในพื้นที่ที่ด้อยพัฒนาของจีน
ยังคงเป็นโอกาสทางการตลาดที่สำคัญสำหรับผู้ขายที่นอนยางพารา แม้จะมีผู้เข้ามาร่วมรายใหม่ในตลาดเพิ่มมากขึ้นก็ตาม
แต่สุดท้ายแล้วจึงขึ้นอยู่กับแบรนด์ว่าจะจับเทรนด์ในตลาด เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
และคว้าโอกาสนี้ไว้ได้หรือไม่