บมจ.ลีโอ
โกลบอล โลจิสติกส์ ร่วมมือกับ อภิศศิโฮลดิ้ง พัฒนาธุรกิจของ LSSC
ให้มียอดขายเติบโตในปีนี้ที่ 400 ล้านบาท โดยการจัดหาผลผลิตทางเกษตรไปจีน รวมทั้งได้ตั้งบริษัทเพิ่มในสิงคโปร์ขยายงานให้บริการเช่าตู้คอนเทนเนอร์ที่มีแนวโน้มไปได้ดี
ซึ่งทั้ง Non-Freight และ Non-Logistics
เป็นแผนงานที่ได้วางไว้ นอกจากนี้ยังมีงานใหม่ๆ ที่รอสรุปพร้อมเปิดตัวใน 1-2
เดือนนี้
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (LEO) เปิดเผย บริษัทฯ
LEO ได้ผนึกกำลังกับ บริษัท อภิศศิโฮลดิ้ง จำกัด
ซึ่งเป็นตัวแทนของพันธมิตรในประเทศจีนให้เข้ามาถือหุ้นในบริษัท LEO
Sourcing & Supply Chain (LSSC) ในสัดส่วน 40% เพื่อร่วมกันในการพัฒนาธุรกิจของทาง LSSC ในการจัดหาสินค้าประเภทผลไม้และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของไทย
เพื่อส่งออกไปยังประเทศจีนให้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้ยอดขายของ
LSSC ในปี 2566 นี้อยู่ในระดับ 300-400 ล้านบาท จากเดิมที่ทาง LSSC เคยคาดการณ์ในช่วงจัดตั้งบริษัทฯ
ว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้เพียง 100 ล้านบาทภายใน 5 ปี
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางพันธมิตรในประเทศจีนได้ทยอยแนะนำบริษัทผู้นำเข้าสินค้าประเภททุเรียน
และมังคุดจากจีนมาให้ทาง LEO และมีการเซ็นสัญญาสั่งซื้อไปแล้ว มูลค่ามากกว่า
50 ล้านบาท และยังจะมีลูกค้ารายอื่นๆ ทยอยเข้ามาเจรจาและสั่งสินค้าอย่างต่อเนื่อง
ไม่เพียงเท่านี้ LEO ยังได้มีการจดทะเบียนบริษัท LEO
Global Logistics (Singapore) เพื่อดำเนินธุรกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและให้เช่าตู้คอนเทนเนอร์
เพื่อรองรับธุรกิจใหม่ที่จะมีการเซ็นสัญญากับลูกค้ารายหนึ่งภายในเดือนพฤษภาคม 2566 นี้ ซึ่งธุรกิจใหม่นี้จะเริ่มต้นด้วยการให้เช่าตู้คอนเทนเนอร์แบบควบคุมอุณหภูมิ
(Reefer Container) และมีมูลค่าของสัญญาภายใน 3 ปีประมาณ 100 ล้านบาท โดยคาดว่าบริษัทฯ
ที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์
จะสามารถสร้างรายได้จากธุรกิจการให้เช่าตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 1-2 เท่าตัวภายใน 2-3 ปีข้างหน้า และยังมีโอกาสในการพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศได้อีกมหาศาล
นอกจากนี้ บริษัทฯ
มีแผนที่จะยื่นขอการส่งเสริมการลงทุนธุรกิจจากทางรัฐบาลสิงค์โปร์ที่มีระบบ Tax Incentive Scheme ภายใต้ MSI - Shipping-related Support Services (MSI-SSS) Award ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับผู้ที่ลงทุนในด้าน Shipping
related Support Services หลายประเภท ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ
สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวกับการลงทุน
และการดำเนินธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ได้หลายรายการ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO กล่าวว่า ได้มองเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอยู่เสมอ
จึงมองหาพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อมาช่วยต่อยอดในการพัฒนาธุรกิจ
ซึ่งทั้งสองธุรกิจนี้ก็เป็นไปตามแผนงานในการพัฒนาธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics
ของทาง LEO ที่ได้มีการประกาศแผนงานและเป้าหมายของปี
2566 และยังมีโครงการธุรกิจใหม่ๆ อีกหลายโครงการ
ที่กำลังจะมีข้อสรุปและจะได้ทยอยเปิดตัวภายใน 1-2
เดือนข้างหน้า รวมถึงแผนงานของการ M&A ที่มีอยู่หลายโครงการ
และทางบริษัทฯ จะพยายามสรุปให้ได้ภายในไม่เกินไตรมาส 2/2566
อย่างน้อยอีก 1-2 โครงการ เพื่อให้ทางบริษัทสามารถบันทึกรายได้เข้าบริษัทฯ
ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้
|