บมจ.ลีโอ
โกลบอล โลจิสติกส์ ได้พาร์ทเนอร์ใหม่อย่าง LogiCam บุกประเทศกัมพูชา
หลังเห็นตัวเลขจีดีพีโต 6% ในช่วงหลายปี มีโอกาสเติบโตได้อีก ส่วนปี
2566 ยังมั่นใจธุรกิจก้าวกระโดดจากโครงการ JV และ M&A
ที่ดำเนินการมาแล้ว โดยมีเป้าหมายขยายทางด้าน Non-Freight และ Non Logistics รวมทั้งการจับมือกับเบาไทยและศรีตรัง
จะสามารถสร้างรายได้ถึง 200 ล้านบาท จากการส่งสินค้าทางรถไฟไปจีน
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (LEO) เปิดเผยว่า บริษัทฯ
ได้ลงนามในสัญญาความร่วมมือเชิงกลยุทธ์
เพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจในกัมพูชาและหาโอกาสในการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจในการควบรวมกิจการร่วมกัน
(M&A) กับบริษัท Logistics Intelligence (Cambodia)
Co., Ltd., หรือ LogiCam ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา
โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท LogiCam คือ คุณสุภชัย วีระภุชงค์
ซึ่งเป็นหุ้นส่วนและผู้บริหารของ บริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด
ที่ได้เข้ามาลงทุนในประเทศกัมพูชามานานมากกว่า 30 ปี และมีฐานลูกค้าที่เป็นบริษัทคนไทยที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศกัมพูชาอย่างมากมาย
LEO และ LogiCam จะร่วมกันศึกษาและวางแผนการขยายธุรกิจโลจิสติกส์แบบครบวงจร
ทั้งบริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ บริการพิธีการศุลกากร
การให้บริการขนส่งสินค้าภายในประเทศกัมพูชา การจัดการคลังสินค้าและการกระจายสินค้า
ระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา และประเทศอื่นๆ กับกัมพูชา
ซึ่งคาดว่าแผนงานและโครงการที่ศึกษาร่วมกันนี้ จะสามารถเริ่มดำเนินการในไตรมาส
1/2566 โดยการลงนามในครั้งนี้ มี พณฯ ท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
รองนายกรัฐมนตรีให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน
การลงนามบันทึกความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้
จะช่วยต่อยอดทางธุรกิจให้กับทาง LEO ในการพัฒนาธุรกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศกับกลุ่มประเทศอาเซียนได้คลอบคลุมมากขึ้น
โดย LEO มองเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศกัมพูชา
ซึ่งมีอัตราการเติบโตทาง GDP เฉลี่ยสูงกว่า 6% ต่อปีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
และเป็นตลาดที่ยังสามารถพัฒนาและมีโอกาสที่จะขยายการให้บริการไปยังกลุ่มลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ
ได้เพิ่มเติมมากขึ้น
รวมถึงยังช่วยทำให้ผู้ประกอบการในประเทศไทยมีทางเลือกของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศกัมพูชาได้มากขึ้น
บริษัทฯ
มีความมั่นใจว่านี่คือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์
ที่จะก่อให้เกิดความแข็งแกร่งทางด้านการให้บริการโลจิสติกส์สำหรับลูกค้าของ LEO และลูกค้าของ LogiCam และยังมีโอกาสที่จะต่อยอดในเชิงธุรกิจร่วมกันไปในอนาคต
เพราะ LogiCam เป็นบริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำในประเทศกัมพูชาและได้รับการยอมรับในเรื่องของคุณภาพการให้บริการ
และถือเป็นการก้าวเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเชียนเป็นประเทศที่สอง
หลังจากที่ LEO ประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจไปยังประเทศเมียนมา
ในนามของบริษัท LEO Myanmar Logistics Co., Ltd.
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บมจ. ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ มองเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอยู่เสมอ
จึงมองหาพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อมาช่วยต่อยอดในการพัฒนาธุรกิจ Logistics & Distribution
Center ที่เป็นธุรกิจ Non-Freight และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าธุรกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศให้มีศักยภาพในการเติบโตอย่างรวดเร็ว
สามารถขยายฐานลูกค้าและพื้นที่ในการให้บริการได้รวดเร็วมากขึ้น
รวมถึงยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่จะร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศ
ASEAN โดยสร้างการเติบโตทางธุรกิจผ่านแผนการทำข้อตกลงซื้อและควบรวมกิจการ
(M&A) และสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
แข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับบริษัทฯ ตามแผนงาน
สำหรับแนวโน้มปี 2566 นายเกตติวิทย์
กล่าวอย่างมั่นใจว่า จะเป็นปีที่บริษัทฯ จะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
เนื่องจากจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ JV และ M&A ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในปี 2565
และปีหน้าอีกหลายโครงการ โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจ Non-Freight และ Non Logistics ที่มีอัตรากำรขั้นต้นสูงถึง
30-50% เพื่อมาชดเชยกับอัดตาค่าระวางที่ลดลง
เช่น การเข้าร่วมลงทุนกับ ADVANTIS FREIGHT (PVT) LIMITED ซึ่งเป็นบริษัทระดับ
Regional Player ในภูมิภาค Asia เพื่อจัดตั้งบริษัทใหม่ในการดำเนินธุรกิจ
Logistics & Distribution
Center, ร่วมลงทุนกับ บริษัท เอสเค แอสเซ็ท แมเนจเม้นท์
จำกัด บริษัทในเครือเสนาดีเวล ลอปเม้นท์ (SENA) จัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่เพื่อดำเนินโครงการ
Self-Storage แห่งที่ 3
เพื่อให้บริการพื้นที่ห้องเก็บของให้เช่า
และพัฒนาธุรกิจคลังสินค้าและให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร ต่อยอดในการขยายธุรกิจ Self-Storage และ Warehouse ของบริษัทฯ
อีกทั้งยังจะจัดตั้งบริษัทใหม่ร่วมกับ
บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) (PORT) ในการดำเนินธุรกิจศูนย์ให้บริการโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ
(Cold Chain Logistics Center) และให้บริการธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจร
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีการริเริ่มธุรกิจ Non-Logistics ด้วยการสนับสนุนโครงการเพาะพันธุ์ปลูกขายต้นกล้ากัญชา
และพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อการแพทย์กับทางวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัย
เกษตรปลอดภัย ณ หุบป่าตาด อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี
ซึ่งจะเริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนของโครงการและรายได้ในปี 2566
“ในปี 2566 บริษัทฯ ก็จะเปิดดำเนินการ Self Storage แห่งที่ 4 และลานเก็บตู้
Container แห่งที่ 2
โดยคาดว่าธุรกิจใหม่ๆ เหล่านี้จะสามารถสร้างรายได้ได้อย่างน้อยปีละ 200 ล้านบาท ภายใน
3
ปีข้างหน้า” นายเกตติวิทย์ กล่าว
ล่าสุด LEO ได้จับมือกับ
บริษัท เบาไทย อินเด็กซ์ แอสโซซิเอท จำกัด และ บริษัท ศรีตรังโลจิสติกส์ จำกัด
เพื่อร่วมผลักดันและส่งเสริมการขนส่งสินค้าทางรางจากประเทศจีน (คุนหมิง) – สปป.ลาว
(เวียงจันทน์) – ประเทศไทย โดยร่วมมือในครั้งนี้ บริษัทฯ
จะสามารถขยายการให้บริการการขนส่งสินค้าทางรถไฟไปยังประเทศจีนได้มากขึ้น
และทำให้ความร่วมมือในการพัฒนาการขนส่งสินค้าทางรถไฟร่วมกับทาง China Post และ Tengjun สามารถบริการได้คลอบคลุมประเทศจีนได้มากขึ้น
และคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้จากการขนส่งสินค้าทางรถไฟในปีหน้าร่วมกับทางพันธมิตรของบริษัทเช่น
China Post/Tengjun เบาไทยฯ
และศรีไทยฯ ได้อย่างน้อย 200 ล้านบาทในปี 2566
นอกจากนี้บริษัทฯ
ยังสามารถทำหน้าที่เป็น “One-Stop Service Provider” ให้กับผู้ส่งออกและนำเข้าของไทยในการส่งออกและนำเข้าสินค้ากับประเทศจีน
รวมถึงการกระจายสินค้าไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก เนื่องจากมีการจัดตั้งบริษัท Leo Sourcing & Supply Chain เพื่อทำการส่งสินค้าไปยัง
e-Commerce Platform ของทาง China Post และ Tengjun รวมถึง e-Commerce Platform ของอีกหลายๆมณฑลในประเทศจีนที่เป็นพันธมิตรกับทางบริษัทฯ
บริษัทเบาไทฯ รวมถึงการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนมายังประเทศไทย
บริษัทฯ ยังมีโครงการ JV และ M&A ที่อยู่ในระหว่างการเจรจาและหาข้อสรุปอีก
3-4 โครงการ
ซึ่งคิดว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ภายในไตรมาส 4/2565 นี้
และบริษัทจะสามารถเริ่มบุ๊ครายได้จากโครงการต่างๆ เหล่านี้ได้ภายในไตรมาส 3/2566 เป็นอย่างช้า
จึงเชื่อมั่นว่าปี 2566 จะเป็นปีที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งในด้านของธุรกิจและผลประกอบการ
และสามารถสร้างผลงานให้เป็นนิวไฮอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นปีที่ 4
|