เอปสัน ตั้งเป้านำเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเข้าไปแทนที่แบบเลเซอร์ให้มากขึ้น โดยวาง 3 กลไกหลัก คือ เปิดตัวเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ C400 และ AM-C550 การใช้ซอฟต์แวร์ EcoFleet Management พร้อมกับพัฒนา 4 โมดูลขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาที่เคยเจอ เช่น ตรวจความผิดปกติของหมึกพิมพ์ หรือการส่งเจ้าหน้าที่ไปจดมิเตอร์ ก่อนออกใบแจ้งหนี้ ส่วนสุดท้ายคือ EasyCare 360 เหมา เหมา และ EasyCare 360 Click Charged ให้ลูกค้าได้เลือกใช้ตามที่ต้องการ
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายในการนำเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเอปสันเข้าไปแทนที่เครื่องพิมพ์เลเซอร์และเครื่องถ่ายเอกสารในองค์กรต่างๆ ให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ที่ไม่ใช้ความร้อนให้เติบโตยิ่งขึ้นทั้งในภาคธุรกิจและราชการ
ดังนั้นเพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จตามเป้าหมายดังกล่าว เอปสันได้พัฒนา 3 กลไกสำคัญให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นอยู่เสมอ จนได้โซลูชั่นที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพด้านการพิมพ์ภายในสำนักงานของลูกค้าและการให้บริการของพาร์ทเนอร์ ทั้งในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชั่นระบบสำนักงาน และผู้ให้บริการเช่าเครื่อง โดยกลไกทั้ง 3 ด้านนี้จะประกอบด้วย
1.ไลน์อัพเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมที่สุด 2. ซอฟต์แวร์จัดการงานพิมพ์แบบครบวงจรสำหรับลูกค้า และงานแบ็คออฟฟิศของพาร์ทเนอร์ และ 3. แพคเกจบริการแบบสมาชิก (Subscription) ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย
“ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสินค้าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจในตลาด 18 รุ่น แบ่งเป็นกลุ่ม EcoTank, WorkForce Pro และ WorkForce Enterprise มีทั้งเครื่องซิงเกิลฟังก์ชันและมัลติฟังก์ชัน ทั้งพิมพ์สีและขาวดำ รองรับความเร็วในการพิมพ์ตั้งแต่ 24-100 หน้าต่อนาที ซึ่งการเปิดตัว WorkForce Enterprise AM-C400 และ AM-C550 ในวันนี้จะช่วยเพิ่มไลน์อัพเป็น 20 รุ่น ตอกย้ำการเป็นแบรนด์เจ้าตลาดเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่มีสินค้าให้ลูกค้าองค์กรเลือกใช้มากที่สุด ทั้งยังเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่สามารถพัฒนาเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทให้มีความเร็วสูงทัดเทียมกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์และเครื่องถ่ายเอกสาร แต่ให้ความคุ้มค่ามากกว่า” นายยรรยง กล่าว
ทั้งนี้ AM-C400 และ AM-C550 เป็นเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันสี่สี ขนาด A4 มีความเร็วในการพิมพ์ 40 และ 55 หน้าต่อนาทีไม่ว่าจะพิมพ์ด้านเดียวหรือสองด้าน ใช้ PrecisionCore Line Head รุ่นใหม่ที่ใช้การพ่นน้ำหมึกลงบนกระดาษที่วิ่งผ่านหัวพิมพ์นี้ไปด้วยความเร็วสูง ทำให้พิมพ์ได้เร็วขึ้นและจำนวนมากขึ้น ให้คุณภาพงานที่ดีขึ้น ทั้งยังประหยัดต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่น หัวพิมพ์นี้ยังใช้ Heat-Free Technology ที่ช่วยลดการปล่อย Co2 และประหยัดเวลา เพราะสามารถพิมพ์ความเร็วสูงอย่างสม่ำเสมอและเริ่มพิมพ์งานได้ทันทีโดยไม่ต้องรอวอร์มเครื่อง อีกทั้งทางเดินกระดาษภายในเครื่องยังถูกออกแบบให้เรียบง่ายและมีระยะสั้น ผู้ใช้จึงจัดการกับปัญหากระดาษติดได้อย่างง่ายดาย ส่วนชุดหมึกเป็นแบบความจุสูง สามารถพิมพ์ขาวดำได้มากกว่า 31,000 แผ่น และพิมพ์สีได้ 28,000 แผ่น นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังสามารถเพิ่มถาดใส่กระดาษได้มากสุด 4 ถาด บรรจุกระดาษได้ถึง 2,000 แผ่น ช่วยให้พิมพ์งานติดต่อกันได้นาน หรือเลือกใส่กระดาษที่มีขนาดต่างกัน เช่น A4 และ A5 สำหรับการใช้งานที่ต่างกันของแต่ละแผนกในองค์กร
นายยรรยง กล่าวอีกว่า ทุกวันนี้องค์กรทั้งภาคเอกชนและราชการยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องกับเครือข่ายการพิมพ์ภายในสำนักงานให้มีความทันสมัย พิมพ์งานได้ในปริมาณมากและมีความหลากหลายจากหลายแผนก และต้องมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นด้วย เอปสันจึงไม่หยุดที่จะขยายพอร์ตเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจ เพื่อเข้าถึงความต้องการขององค์กรที่เลือกใช้เครื่องพิมพ์ที่แตกต่างกันตามลักษณะการใช้งานของแต่ละแผนกให้ได้มากที่สุด เช่นเครื่อง AM-C400 และ AM-C550 ที่เปิดตัวนี้มีเป้าหมายไปยังกลุ่มบริษัท ธุรกิจ หน่วยงานราชการ โรงพยาบาล ศูนย์การค้า และสถาบันศึกษาที่มีแผนกต่างๆ มากมายที่ต้องการใช้เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น เน้นที่ความเร็วตั้งแต่ 31 หน้าต่อนาทีขึ้นไป และเน้นพิมพ์งานขนาด A4 และ A5 ปริมาณมาก ซึ่งแยกจากแผนกที่ต้องใช้เครื่องพิมพ์ขนาด A3 อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ เอปสัน ประเทศไทยยังได้เปิดตัว EcoFleet Management ซอฟต์แวร์จัดการเครือข่ายเครื่องพิมพ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พาร์ทเนอร์ Office Automation ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นโดยเอปสัน ประเทศไทยเอง
ลูกค้าองค์กรที่ใช้เครื่องพิมพ์ของเอปสันจะได้ใช้ชุดซอฟต์แวร์ ESS (Epson Solution Suite) อยู่แล้ว ซึ่งเป็นโซลูชั่นซอฟต์แวร์แบบไร้รอยต่อที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเครื่องพิมพ์ โดยจะมี 3 ฟังก์ชั่น ได้แก่ การจัดการงานพิมพ์ และจัดการเอกสาร สำหรับองค์กรลูกค้า และฟังก์ชั่นจัดการเครื่องพิมพ์ สำหรับพาร์ทเนอร์ Office Automation ซึ่งซอฟต์แวร์ใหม่ EcoFleet Management ที่บริษัทฯ ได้พัฒนาขึ้นมาจะมาเสริมการทำงานในส่วนฟังก์ชั่นจัดการเครื่องพิมพ์ ทำให้ชุด ESS ของเอปสันมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นและแตกต่างจากซอฟต์แวร์ประเภทเดียวกันของคู่แข่งในตลาด
เอปสัน ประเทศไทยใช้เวลา 2 ปีในการพัฒนา EcoFleet Management เริ่มจากการศึกษาปัญหาที่กลุ่มผู้ให้บริการเช่าเครื่องอย่าง Office Automation ต้องเผชิญ ซึ่งมีด้วยกัน 4 ด้าน ได้แก่ เรื่องการบริหารจัดการสัญญาเช่าที่ยังไม่ค่อยมีการทำและจัดเก็บแบบดิจิทัล ทำให้ค้นหาได้ยาก เรื่องการออกให้บริการตรวจอาการผิดปกติของเครื่องพิมพ์และปริมาณหมึก ที่ต้องส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจที่สำนักงานของลูกค้า ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ใช้กำลังคน และค่าใช้จ่าย ด้านการออกใบแจ้งหนี้ ซึ่งปัจจุบันยังใช้วิธีส่งเจ้าหน้าที่ออกไปจดมิเตอร์จากตัวเครื่องของลูกค้าเพื่อนำข้อมูลกลับมาคำนวณก่อนออกใบแจ้งหนี้ และเรื่องการทำรายงานประวัติการพิมพ์ของลูกค้าแต่ละรายที่ยังเป็นการทำแบบแมนนวล ใช้เวลาและมีโอกาสผิดพลาดในการกรอกข้อมูล EcoFleet Mangement ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้
เอปสันได้ออกแบบการทำงานของซอฟต์แวร์เป็น 4 โมดูล ได้แก่ 1.ฟังก์ชั่นการจัดเก็บข้อมูลบัญชีรายชื่อลูกค้า รายการเครื่องพิมพ์ และสัญญาเช่าของลูกค้าแต่ละรายแบบรวมศูนย์ ช่วยในการค้นหาและนำข้อมูลมาใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว 2.ฟังก์ชั่นมอนิเตอร์การทำงานของเครื่องพิมพ์และปริมาณหมึกแบบเรียลไทม์ ที่ทำให้เจ้าหน้าที่รู้ล่วงหน้าถึงปัญหาและสามารถเข้าแก้ไขได้ทันที หรือนำชุดหมึกเข้าไปเติมให้กับลูกค้าตามพฤติกรรมการใช้งานจริงของลูกค้าแต่ละราย
3.ฟังก์ชั่นการออกใบแจ้งหนี้อัตโนมัติเมื่อถึงกำหนดของลูกค้าแต่ละราย และ 4.ฟังก์ชั่นการออกรายงานในรูปแบบกราฟฟิค เพื่อประเมินสุขภาพและความเสี่ยงของธุรกิจจากรายได้และการเก็บเงินตามสัญญาแต่ละฉบับ นอกจาก 4 โมดูลนี้ ในอนาคตบริษัทฯ จะพัฒนาฟังก์ชั่นใหม่เพิ่มเข้าไปเรื่อยๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานให้กับพาร์ทเนอร์เอปสันได้มากยิ่งขึ้น เช่น การแจ้งเตือนอาการของเครื่องพิมพ์ผ่าน LINE เป็นต้น
สำหรับกลไกสุดท้ายที่ช่วยให้เอปสันสามารถแข่งขันกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์และเครื่องถ่ายเอกสารในตลาดองค์กรได้อย่างเต็มที่ คือ โปรแกรมบริการแบบสมาชิก ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ มีทั้งโปรแกรม EasyCare 360 เหมา เหมา ที่ผู้ใช้สามารถเหมาจ่ายเป็นรายเดือนและรับเครื่องที่ใช้อยู่ไปฟรีๆ หลังหมดสัญญา และโปรแกรม EasyCare 360 Click Charged ที่ให้ผู้ใช้จ่ายค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริงและสามารถเลือกทำสัญญาได้ทั้งแบบเช่าหรือเช่าซื้อ
กลไกทั้งหมดที่กล่าวมาไม่เพียงจะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับเอปสันในการขยายตลาดให้กว้างขึ้น แต่ยังนำไปสู่การสร้างระบบนิเวศการพิมพ์ของเอปสันในองค์กรธุรกิจ (Epson Printing Ecosystem) ซึ่งอยู่ในแผนสร้าง S-curve ใหม่ของบริษัทฯ ที่ช่วยสร้างการเติบโตต่อไปและความโดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่ง โดยระบบนิเวศการพิมพ์ดังกล่าวจะหมายถึงการที่ทุกแผนกทุกฝ่ายในองค์กรทำการพิมพ์ผ่านเครื่องพิมพ์ของเอปสันแบรนด์เดียว ซึ่งจะได้รับความสะดวกในด้านการบริหารจัดการและจากบริการหลังการติดตั้ง และประหยัดค่าใช้จ่ายทุกด้านที่เกี่ยวกับกับกระบวนการพิมพ์
|