TOSHIBA อัพเกรดสินค้าเจาะกลุ่ม Mid to High

โตชิบา ไทยแลนด์ โชว์ความสำเร็จปี 2567 ผลงานเติบโต 24% นำโดยตู้เย็น และตลอด 5 ปีที่ผ่านมา มีส่วนแบ่งการตลาดติด TOP  3 ในหลายกลุ่มสินค้า มาในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายที่ 25% พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 53 รุ่น รวมทั้งได้แบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ มาร่วมถ่ายทอดคอนเซปต์ “Toshiba Japan Origin” ซึ่งจะเผยแพร่ผ่านทีวี โซเชียลมีเดีย รถไฟฟ้า พร้อมทั้งให้ความสำคัญด้านบริการหลังการขายแบบ onsite service ในสินค้ากลุ่มไฮเอนด์ ที่จะเพิ่มขึ้น


นายอเล็กซ์ มา รองประธานบริษัท บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวถึง ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (รวมตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านขนาดเล็ก (ไม่รวมทีวี) ในประเทศไทย ปี 2567 มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 83,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ประมาณ 9% และเมื่อดูเป็นจำนวนเครื่อง มีประมาณ 21 ล้านเครื่อง เติบโตราว 4% โดยแบ่งประเภทสินค้าเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ สินค้าชิ้นใหญ่ ประกอบด้วย ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ มีมูลค่าตลาดประมาณ 65,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตถึง 11% และเมื่อดูเป็นจำนวนเครื่อง มีประมาณ 5.6 ล้านเครื่อง เติบโตประมาณ 8% 

ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดสินค้าชิ้นใหญ่เติบโตได้ดี ส่วนหนึ่งมาจากสภาพอากาศที่ร้อนมากในช่วงหน้าร้อน ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้เครื่องปรับอากาศ และตู้เย็นเป็นที่ต้องการในตลาดอย่างสูง ขณะที่สินค้ากลุ่มที่ 2 ได้แก่สินค้าขนาดเล็ก อาทิ หม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ เครื่องทำน้ำอุ่น พัดลม เป็นต้น มีมูลค่าตลาดประมาณ 18,000 ล้านบาท อัตราการเติบโตทรงตัว และจำนวนเครื่องประมาณ 15.4 ล้านเครื่อง เติบโตประมาณ 3% อย่างไรก็ตามสินค้าชิ้นเล็กไม่เติบโตตามคาด เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ประกอบกับกำลังซื้อผู้บริโภคลดลง

 

สำหรับผลการดำเนินงานของโตชิบา ไทยแลนด์ นายอเล็กซ์ เปิดเผยว่า ปี 2567 เป็นปีที่บริษัทฯ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง โดยผลประกอบการรวมเติบโตสูงถึง 24% ซึ่งสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้มาก โดยกลุ่มสินค้าที่สร้างรายได้สูงสุด ได้แก่ ตู้เย็น เติบโต 20% รองลงมาได้แก่ เครื่องซักผ้า เติบโต 39% ขณะที่กลุ่มสินค้าอื่น เช่น เตาอบไมโครเวฟ เติบโต 21% หม้อหุงข้าว และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เติบโต 10% กลุ่มสินค้าเกี่ยวกับน้ำ อาทิ เครื่องทำน้ำอุ่น ทรงตัว สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำ แม้โตชิบาจะไม่เติบโต แต่ภาพรวมตลาดติดลบเกิน 10% เนื่องจากอากาศไม่เอื้ออำนวย และกลุ่มสุดท้ายคือเครื่องปรับอากาศ เติบโต 82% เพียงแต่สัดส่วนการขายไม่มาก และตลอด 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562-2567) บริษัทฯ สามารถรักษาอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) เฉลี่ย 5 ปี ได้ถึง 15%

ดังนั้น จากผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องมาตลอดหลายปี ทำให้ปัจจุบันโตชิบามีส่วนแบ่งการตลาดติดอันดับท็อป 3 ในเกือบทุกกลุ่มสินค้า โดยสินค้าไมโครเวฟ มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ด้วยแชร์ 29% ตามด้วยตู้เย็น อันดับ 2 ส่วนแบ่ง 15.9% หม้อหุงข้าว อันดับ 2 ส่วนแบ่ง 9% และเครื่องซักผ้า อันดับ 3 ส่วนแบ่ง 11.1% ซึ่งปัจจัยที่ทำให้โตชิบาเติบโตได้ต่อเนื่อง ส่งผลให้มีส่วนแบ่งการตลาดสูง มาจากความเชื่อมั่นในแบรนด์ ที่บริษัทฯ ทำกิจกรรมต่อเนื่องมาตลอด โดยเฉพาะปี 2567 ที่ผ่านมา ที่ได้คุณหมาก ปริญ สุภารัตน์ มาเป็นแอมบาสเดอร์มาร์เก็ตติ้ง ช่วยสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ และขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้น

นอกจากนี้ ด้วยคุณภาพ และมาตรฐานผลิตภัณฑ์โตชิบา ซึ่งเป็นที่ยอมรับในกลุ่มผู้บริโภคและคู่ค้า ในแง่ของความทนทาน ดีไซน์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ รวมไปถึงแนวความคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจในรายละเอียด และความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก ทำให้ผลิตภัณฑ์โตชิบาได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นในทุกๆ ปี อีกทั้งยังมีพันธมิตรทางการค้าที่ดีที่เชื่อมั่นในโตชิบา ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุม และมีการจัดการบริหารงานในเรื่องซัพพลายเชนได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

            ในปี 2568 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 25% และเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อันดับ 1 ในประเทศไทย นอกจากนี้มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่มากถึง 53 รุ่น โดยเน้นเจาะตลาดผู้ใช้กลุ่ม Mid to High ที่ให้ความสำคัญเรื่องดีไซน์และคุณสมบัติสินค้ามากขึ้น จากปีที่แล้วที่เปิดตัวตู้เย็นซีรีส์ JapanDi ได้รับการตอบรับดีมาก ปีนี้จะมีสินค้ากลุ่มอื่นที่ออกมาเป็นซีรีส์เดียวกันเพื่อเอาใจลูกค้ามากขึ้น ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีแผนขยายช่องทางการขายเพิ่มอีกกว่า 500 แห่ง โดยเน้นขยายจุดวางสินค้ากลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น รวมไปถึงการทุ่มเงินในการปรับโฉมร้านค้าให้ดูทันสมัยขึ้น อีกทั้งยังเพิ่ม Experience Store ที่เน้นการโชว์สินค้ากลุ่ม Smart Solution เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้ามาใช้งาน ณ จุดขาย

“ในส่วนการตลาดได้ทุ่มงบเพิ่มขึ้นมาก นอกจากการทำการตลาดแบบ 360 องศา ทั้งออนไลน์ และออฟไลนด์แล้ว ปีนี้ได้อัพเกรดแบรนด์แอมบาสเดอร์เป็นระดับภูมิภาค และยังมีแผนการตลาดอีกมากมายเพื่อส่งเสริมการขาย และส่วนสุดท้ายที่โตชิบาให้ความสำคัญ คือ งานบริการ เพราะให้ความสำคัญกับลูกค้า โดยมีแผนเพิ่มช่องทางพิเศษสำหรับให้บริการสินค้ากลุ่มไฮเอนด์ มีการเพิ่มรถโมบายเซอร์วิส เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าโดยเพิ่มทีมการให้บริการถึงบ้าน (Onsite service) รวมไปถึงการขยายจำนวนศูนย์บริการ และการปรับภาพลักษณ์ศูนย์บริการพรีเมียม และงานบริการให้สะดวก รวดเร็วมากขึ้น” นายอเล็กซ์ กล่าวทิ้งท้าย


ด้านนายเอกดนัย ตันติภูมิอมร ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา โตชิบาวางกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ไว้ 3 แกนคือ 1) เจาะตลาดแมส โดยสรรหาผลิตภัณฑ์ที่ทุกบ้านต้องมี ส่งผลิตภัณฑ์คุณภาพในราคามิตรภาพเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง  2) ขยายฐานไปยังกลุ่มระดับกลางถึงบน ที่เติบโตขึ้นในทุกปี ซึ่งกลุ่มนี้จะมีความต้องการมากขึ้นในเชิงต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดความจุใหญ่ขึ้น และ/หรือ สเปคบางอย่างที่มาตอบโจทย์ความต้องการ อาทิต้องการความสะดวกสบาย ต้องการประหยัดเงิน  3) เจาะเข้าตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยส่งผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นในแต่ละเรื่องแตกต่างกัน ทั้งในเรื่องดีไซน์ สเปค หรือเทคโนโลยี สำหรับปี 2568 นี้ บริษัทฯ มีแผนขยายสินค้าใหม่มากถึง 53 รุ่น โดยแบ่งเป็นกลุ่มตู้เย็นจาก 11 รุ่น กลุ่มเครื่องซักผ้า 19 รุ่น กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องครัว 16 รุ่น และกลุ่มเครื่องใช้ในบ้านอีก 7 รุ่น

“ปีที่แล้วที่เราได้เปิดตัวตู้เย็นซีรีส์ JapanDi ใหม่ 2 รุ่น ได้รับการตอบรับดีมาก มาในปีนี้จะเพิ่มไลน์อัพสินค้า JapanDi ให้เต็มมากขึ้น ด้วยไมโครเวฟ รุ่น MX1-TH23SC(WH) ความจุ 23 ลิตร เป็นไมโครเวฟอินเวอร์เตอร์ เป็นระบบ 4 in 1 สามารถอุ่น ย่าง อบ และนึ่งในเครื่องเดียว นอกจากนี้มีแผนเปิดตัวเครื่องซักผ้าฝาหน้า และเครื่องอบผ้าในซีรีส์เดียวกัน สามารถเลือกวางได้ 2 แบบคือ วางซ้อนคู่บนล่าง หรือวางคู่กันซ้ายขวา ตามสไตล์ที่ชอบ สำหรับเครื่องซักผ้าฝาหน้า รุ่น TW-T37BZP115MWT(WT) ความจุ 10.5 กิโลกรัม ไฮไลท์ที่น่าสนใจ คือ Aroma+ กดเพียงครั้งเดียวเพื่อล็อคกลิ่น เพื่อผ้าหอมขึ้นและนานกว่า และเครื่องอบผ้า รุ่น TD-T37BS90HWT(WT) ความจุ 8 กิโลกรัม มีฟังก์ชัน Quick Dry 30’ อบผ้าแห้งไวใน 30 นาที และอีกคุณสมบัติที่โดดเด่นคือ LuxeCare ที่จะใช้ไอน้ำทำความสะอาดผ้าแบบอ่อนโยน ช่วยลดฝุ่น ลดรอยยับ และกลิ่น ช่วยปกป้องผ้าที่ต้องการถนอมพิเศษ อาทิ ผ้าไหม ผ้าสูท

 

สำหรับตู้เย็น ปี 2567 ที่ผ่านมา ในภาพรวมบริษัทฯ เติบโตถึง 20% และเป็นเจ้าตลาดในกลุ่มตู้เย็นประตูเดียว และตู้เย็น 2 ประตูขนาดเล็กมายาวนาน ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 40% และบริษัทฯ โต 14% ขณะที่ตู้เย็นขนาดกลาง โตขึ้นถึง 60% และตู้เย็นขนาดใหญ่ ไซด์บายไซด์ และตู้เย็น 4 ประตู ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่ตลาดโตสูงสุด โตชิบาโตขึ้น 200% และทำให้ตู้เย็นโตชิบารุ่น GR-RS600 ขึ้นแท่นเป็นตู้เย็นไซด์บายไซด์ที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย

ปี 2568 นี้ บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวตู้เย็นใหม่ ถึง 11 รุ่น และตั้งใจพัฒนาคุณสมบัติใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการมากขึ้น อาทิ ตู้เย็นประตูเดียว จะมีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ เหมือนตู้เย็น 2 ประตู ขณะที่ตู้เย็น 2 ประตูขนาดกลางจะสามารถทำน้ำแข็งอัตโนมัติได้ตั้งแต่ขนาดความจุ 14 คิว ซึ่งตู้เย็นทั่วไปจะเริ่มทำน้ำแข็งอัตโนมัติได้ที่ความจุ 16 คิวเป็นต้นไป และสำหรับเซกเมนต์ใหญ่สุด จะจำหน่ายตู้เย็นไซส์บายไซส์ และตู้เย็น 4 ประตูรุ่นใหม่ที่มีความจุมากที่สุดในตลาด ด้วยความจุ 700 ลิตร หรือ 25 คิว มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Pure Air Turbo ที่มีคุณสมบัติกำจัดกลิ่นได้เร็วกว่าเดิมถึง 3 เท่า ขณะเดียวกัน ได้พัฒนาระบบทำน้ำแข็งอัตโนมัติใหม่ได้ 2 ขนาด ทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ อีกทั้งยังสามารถทำและเก็บน้ำแข็งได้มากถึง 4 กิโลกรัม นับเป็นช่องเก็บน้ำแข็งที่ใหญ่กว่าตลาดถึง 1.4 กิโลกรัม นอกจากนี้ โตชิบาให้ความสำคัญกับเรื่องกลิ่น เพราะภายในตู้เย็นจะมีระบบตัวกรอง ช่วยลดกลิ่นปะปนภายในเครื่อง

ส่วนเครื่องซักผ้า ในปีที่ผ่านมา นับเป็นปีที่เครื่องซักผ้าโตชิบาเติบโตสูงสุด โดยเติบโตถึง 40% โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าฝาบนความจุ 12 กิโลกรัมขึ้นไปที่โตสูงถึง 70% ปัจจัยที่ทำให้โตชิบาเติบโตได้ดี เพราะมีสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งเป็นผลพวงจากการที่โตชิบาย้ายฐานการผลิตเครื่องซักผ้าฝาบนขนาด 10-17 กิโลกรัม และเครื่องซักผ้าฝาหน้าบางส่วนมาผลิตในประเทศไทย ทำให้ราคาสินค้าสามารถแข่งขันกับตลาดได้มากขึ้น ส่งผลให้เครื่องซักผ้าฝาหน้าของโตชิบา เติบโตเพิ่มขึ้นเท่าตัว ขณะที่ตลาดโตเพียง 6.3%

ปีนี้ บริษัทฯ มีแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องซักผ้าใหม่มากถึง 19 รุ่น ตั้งเป้าเติบโต 20% โดยไฮไลท์แรกคือการเพิ่มไลน์อัพเครื่องผ้าฝาบนความจุ 18-19 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังอัพสเปก เพิ่มคุณสมบัติเด่น Aroma+ ที่ช่วยทำให้ผ้าหอมยาวนานกว่าเดิม 2 เท่า รวมถึงการเพิ่ม Steam Wash ระบบพ่นไอน้ำเพื่อยับยั้งเชื้อโรคต่างๆก่อนซัก นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนฟิลเตอร์ในเครื่องซักผ้ามาเป็นสแตนเลส เพื่อเพิ่มความคงทน และความสะอาดให้แก่เครื่องซักผ้ามากขึ้น นับเป็นรายละเอียดเล็กๆ ที่ตั้งใจเพิ่มฟังก์ชันต่างๆ ให้แก่ผู้บริโภค ในส่วนเครื่องซักผ้าฝาหน้า ต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมา ที่ล็อนช์เครื่องซักผ้าจอสี และได้รับการตอบรับที่ดี ได้ขยายไลน์อัพเพิ่มรุ่นความจุ 13 กิโลกรัม และ 15 กิโลกรัม ทั้งเครื่องซักผ้าและเครื่องซัก-อบผ้า


สำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านขนาดเล็ก ทั้งที่ใช้ในครัวและในบ้าน โตชิบา คือ ผู้นำอย่างแท้จริงด้วยผลิตภัณฑ์กว่า 130 รุ่น โดยพระเอกของสินค้ากลุ่มนี้คือ ไมโครเวฟ ที่เติบโตต่อเนื่องจนทำให้โตชิบาเป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาด นอกจากนี้ยังมีหม้อหุงข้าวของโตชิบา ที่นับเป็นไฮไลท์ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นคือ หม้อในหนา 4 มิลลิเมตร และตัวสุดท้ายที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากคือ เครื่องทำน้ำอุ่นรุ่น SensTemp ที่ควบคุมอุณหภูมิของน้ำได้เสถียร สำหรับในปี 2568 นี้ บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มนี้มากถึง 23 รุ่น ทั้งหม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อน เครื่องกรองน้ำ และพัดลม  

เครื่องทำน้ำอุ่น และเครื่องทำน้ำร้อนของโตชิบารุ่นใหม่ล่าสุด ซีรีส์ SensTemp มีความปลอดภัยสูง    และที่โดดเด่นคือ มีการติดตั้งเซนเซอร์ที่วาล์วน้ำเข้า เพื่อตรวจจับอุณหภูมิ ดังนั้นแม้มีการใช้น้ำพร้อมกันในหลายๆ ที่ ตัวเครื่องจะคำนวณแรงดันน้ำและปรับอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมให้ ส่วนพัดลมแบบสไลด์ 5 ใบพัด ที่ออกแบบดีไซน์ไซโคลน สามารถกระจายลมไกลถึง 12 เมตร ปรับความแรงได้ถึง 4 ระดับ


ขณะที่นางสาวธัญปภัสส์  อริยะวรวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์ทางการตลาดว่า ในปี 2568 นี้ บริษัทฯ ได้อัพเกรดแบรนด์แอมบาสเดอร์เป็นระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีนายทาคาชิ โซริมาจิ นักแสดงจากประเทศญี่ปุ่น เข้ามาตอกย้ำภาพลักษณ์โตชิบา แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่น โดยได้ปล่อยโฆษณาชุดแรกทางโซเชียล และป้ายโฆษณาทั้งนอกและในสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงราย เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ตไปแล้วตั้งแต่ต้นปี นอกจากนี้ ยังมีแผนปล่อยโฆษณาชุดใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ “Toshiba Japan Origin คราฟต์ที่ดีไซน์ ใส่ใจทุกดีเทล” โดยมีไอเดียจาก 5 จุดเด่นของความเป็นญี่ปุ่น คือ ดีไซน์ ดีเทล คุณภาพ ความไว้ใจได้ และนวัตกรรม  

ทั้งนี้ จะเผยแพร่ทางทีวี สื่อออนไลน์ รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน บิลบอร์ดในกรุงเทพและต่างจังหวัด รวมไปถึงในออฟฟิศสำนักงาน รวมทั้งหมดกว่า 3,000 สกรีน นอกจากนี้ ยังมีสื่อ ณ จุดขาย และการทำคอนเทนต์ดิจิทัล โซเชียลมาร์เก็ตติ้ง และเสริมทัพด้วย KOLs ที่จะมาทำให้ผู้บริโภครู้จัก เข้าใจ และเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์โตชิบามากยิ่งขึ้น

“นอกจากกิจกรรมการตลาดข้างต้น เราเตรียมพร้อมสำหรับโรดโชว์ และโปรโมชันต่างๆ ที่จะมาตอบแทนผู้บริโภคตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีแผนการปรับโฉมหน้าร้านค้าให้ดูสวยงาม ทันสมัย และมีแผนขยาย Experience Store เพิ่ม เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าสัมผัส และทดลองใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มที่เป็น Smart Solution เชื่อมต่อการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนได้ ทดลองการใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องครัวได้ รวมไปถึงได้พูดคุยสอบถามการใช้งานกับพนักงานขายได้เสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว”      


สุดท้ายนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า ปี 2567 ที่ผ่านมา โตชิบา ไทยแลนด์ มีกิจกรรมการการตลาดและแคมเปญที่หลากหลาย ซึ่งช่วยให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทั้งลูกค้ากลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากขาดทีมงานชาวอิฐแดงทุกคนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ เปรียบเสมือนอิฐแต่ละก้อนที่รวมกันเป็นกำแพงที่แข็งแรง รวมถึงพาร์ทเนอร์ ตัวแทนจำหน่ายที่ให้การสนับสนุนโตชิบาเป็นอย่างดี และลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์แบรนด์ ‘TOSHIBA’ จนบริษัทฯ เดินทางมาถึงปีที่ 55 ได้อย่างมั่นคง


อย่างไรก็ตาม ปีนี้จะเป็นอีกปีที่บริษัทฯ ต้องเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย แต่โตชิบายังคงมุ่งมั่น ‘นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต’ ให้กับคนไทย ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ มาตรฐานประเทศญี่ปุ่น เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของใช้งานของทุกคน เพิ่มความสะดวกสบาย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โตชิบา ไทยแลนด์ มุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกับคู่ค้าและดีลเลอร์ไปด้วยกัน และที่ขาดไม่ได้ คือ การตอบแทนสังคม ด้วยการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อที่จะได้เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับสังคมไทย
 
เว็บสำเร็จรูป
×