นายชาญชัย
ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ของตลาดรถยนต์ในครึ่งปีหลังของปีนี้
จะค่อยๆ กลับมาดีขึ้น และมียอดขายถึง 8 แสนคัน หลังจากหกเดือนแรกปีนี้ ทำยอดขายรวมไปได้เพียง 370,000 คัน เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้
ทำให้ผู้บริโภคระวังการใช้จ่ายมากขึ้น และกระทบมายังธุรกิจยานยนต์โดยตรง
สำหรับช่วงเวลาที่เหลือในปีนี้
มาสด้าได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่จำนวน 50,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 30% โดยช่วง 6
เดือนแรกของปีนี้ มาสด้ามียอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 18,908 คัน เพิ่มขึ้น 23%
โดยรถยนต์นั่งมียอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 10,895 คัน เพิ่มขึ้น 3% แบ่งออกเป็นมาสด้า2
จำนวน 9,622 คัน เพิ่มขึ้น 3% มาสด้า3 จำนวน 1,270 คัน เพิ่มขึ้น 1% และมาสด้า MX-5 รถสปอร์ตเปิดประทุนมียอดขาย 3 คัน ขณะที่รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวีมียอดจำหน่ายรวมที่
7,347 คัน เพิ่มขึ้น 83% โดยมาสด้า CX-30
ยังคงได้รับความนิยมสูงสุดด้วยยอดจำหน่าย 4,194 คัน เพิ่มขึ้นถึง 124%
ตามมาด้วยมาสด้า CX-3 จำนวน 2,231 คัน เติบโตสูงสุดถึง 299% ทางด้านมาสด้า
CX-8 มียอดจำหน่ายที่ 532 คัน ลดลง 26%, มาสด้า CX-5 จำนวน 390 คัน ลดลง 54% และปิกอัพมาสด้า
บีที-50 มียอดจำหน่าย 666 คัน ลดลง 16%
“จากยอดจำหน่ายข้างต้น
เมื่อแบ่งออกเป็นรายไตรมาสจะพบว่ายอดขายไตรมาสแรกระหว่างม.ค.–มี.ค.64 มีจำนวน 10,890 คัน เพิ่มขึ้น 7% ส่วนไตรมาสที่สองระหว่างเม.ย.–มิ.ย.
64 มีจำนวน 8,018 คัน เพิ่มขึ้นถึง 53% ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของตลาด
นับเป็นหนึ่งในสัญญาณบวกว่าความต้องการซื้อรถยนต์ในประเทศยังคงมีอยู่ แต่ขณะเดียวกันก็ยังต้องติดตามการแพร่ระบาดของโควิด-19
อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มทิศทางและนำมาปรับกลยุทธ์เพื่อประคับประคองธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ให้เดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่วางไว้”
นายชาญชัย กล่าว
ด้านนายธีร์
เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) กล่าวถึงกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ว่า มาสด้าได้มีการปรับแผนงานเพื่อให้สอดรับกับเหตุการณ์ควบคู่ไปกับการสร้างแผนธุรกิจแบบเฉพาะกิจขึ้นมา
เพื่อเตรียมพร้อมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย โดยมาสด้าได้ประสานความร่วมมือกับผู้จำหน่ายทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด
เพื่อปรับนโยบายแบบเร่งด่วนให้เกิดประโยชน์สูงสุดไปยังลูกค้า
ทั้งการเอาใจใส่ดูแลลูกค้าปัจจุบันให้ดีที่สุด
โดยเฉพาะมาตรการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้า
รวมถึงการมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
โดยร่วมมือกับทางบริษัทไฟแนนซ์ที่จะเข้ามาซัพพอร์ต อาทิ เงินดาวน์น้อย
ขยายระยะเวลาการผ่อนชำระให้ยาวนานที่สุด อัตราดอกเบี้ยต้องต่ำสุด
ซึ่งหลายรุ่นมาสด้าจัดดอกเบี้ย 0% รวมถึงการผ่อนชำระต่องวดให้น้อยที่สุด
นอกจากนี้
มาสด้ายังได้กำหนดยุทธศาสตร์การบริหารงานเพื่อให้เกิดการเติบโตในช่วงวิกฤต
โดยได้เตรียมความพร้อมทางด้านกลยุทธ์การบริหารงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2564
เพื่อรับมือกับสถานการณ์และวางรากฐานผลักดันให้องค์กรเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่วางไว้
ด้วย 6 องค์ประกอบหลัก ดังนี้
1.ด้านผลิตภัณฑ์ใหม่ นำเสนอรถยนต์นั่งและรถเอสยูวีรุ่นใหม่ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและผลักดันให้มาสด้าเดินหน้าไปสู่เป้าจำหน่ายที่วางไว้ได้
2.ด้านนโยบายส่งเสริมผู้จำหน่าย
ให้การสนับสนุนด้านการขายกับผู้จำหน่ายในแต่ละพื้นที่
โดยทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดภายใต้แนวทางการทำงานเป็นทีม ONE MAZDA
3.ด้านการตลาดและการสื่อสาร
ดึงกลยุทธ์การตลาดแบบออนไลน์มาเป็นแกนหลักในการสื่อสารผ่าน Mazda Online
Platform เพิ่มการนำเสนอรูปแบบใหม่ๆ ผ่านสื่อดิจิทัล
เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
4.ด้านการส่งเสริมการขาย
จัดแคมเปญการขายเพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์มาสด้าได้ง่ายขึ้น
รวมถึงทำงานร่วมกับสถาบันทางการเงิน ในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อ
5.ด้านเทคโนโลยี นำเอาเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการบริหารงาน
โดยเฉพาะผู้จำหน่ายต้องปรับตัวเข้ากับการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล
6.ด้านบริการหลังการขาย ยกระดับการบริการหลังการขายให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
รองรับปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ลดการรอคิว และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ
นอกจากนี้
มาสด้ายังมอบโปรโมชั่นสุดพิเศษ ภายใต้แคมเปญ BEST DEAL ในระหว่างวันที่ 10–18 กรกฎาคม 2564 ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0% ผ่อนนานสูงสุด 60
เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง รับทันทีเครื่องฟอกอากาศ SHARP มูลค่า
2,990 บาท พิเศษสุดเฉพาะลูกค้าที่จองซื้อ CX-5 และ CX-8 (จำนวนจำกัด เฉพาะรุ่น) เลือกรับดอกเบี้ย 0% นาน 84 เดือน
หรือผ่อนเริ่มต้นเพียง 15,000 บาทกว่าบาท (อย่างใดอย่างหนึ่ง)
พร้อมคูปองน้ำมันมูลค่า 10,000 บาท ณ โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ