ซิซซา กรุ๊ป พร้อมรับการเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ เชื่อส่งผลดีให้เงินต่างชาติไหลเข้าไทย
ขณะที่แผนงานระยะ 7 ปี ยังเป็นไปตามการดำเนินงาน
โดยเฉพาะโครงการ “นาใต้ เมดิคอล” จะแล้วเสร็จหมดปี’69 เริ่มเปิดเฟสแรกปลายปีนี้ และเตรียมผลักดันเป็น Medical Hub ในอนาคต ทั้งนี้จากสถิติพบว่า ธุรกิจอสังหาฯ การดูแลสุขภาพ ในโซนเอเชียแปซิฟิคมีมูลค่าถึง 46.8
พันล้านดอลลาร์
นายอรรถนพ
พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า การที่ภาครัฐมีนโยบายเปิดประเทศในวันที่
1 พ.ย. 2564 นี้ และประกาศเปิดให้ 46
ประเทศและพื้นที่ที่เดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว
ถือว่าเป็นการนำเงินเข้ามาในประเทศ
จากชาวต่างชาติที่เข้ามาในรูปแบบการอยู่อาศัยและลงทุน ทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียน
และจีดีพีมีอัตราการเติบโตขึ้น ที่สำคัญยังเป็นการเน้นกลุ่มชาวต่างชาติที่มีความรู้ความสามารถในสาขาอาชีพต่างๆ
ที่ประเทศไทยยังไม่ค่อยมี มาช่วยพัฒนาศักยภาพของไทยได้ดีขึ้น
และกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาวได้ดี
ขณะที่การประกาศปลดล็อกหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
(Loan to Value
: LTV) 100% เป็นการชั่วคราว (กู้ได้เต็มมูลค่าหลักประกัน) จากธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) นั้น มองว่า จะเป็นประโยชน์กับโครงการอื่นของบริษัทฯ ที่กำลังพัฒนาในรูปแบบ
Condotel คือ วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต และจะส่งผลดีต่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์
เพราะผู้บริโภคที่ไม่มีเงินสดในการซื้อที่อยู่อาศัย ไม่ต้องวางเงินดาวน์จำนวนมาก
“มาตรการ LTV จากแบงก์ชาติ จะไม่ส่งผลต่อโครงการ “นาใต้ เมดิคอล เซ็นเตอร์ แอนด์
รีสอร์ต” ของเรา เพราะลูกค้าที่จะมาใช้บริการด้านการบำบัด ฟื้นฟู หรือศัลยกรรม ที่นาใต้
เมดิคอล ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ ต่างมีกำลังซื้อที่สูงอยู่แล้ว” นายอรรถนพ
กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในระยะเวลา
7 ปี ของบริษัทฯ ยังเป็นไปตามแผน คือ จะพัฒนาธุรกิจในรูปแบบอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนรวม
6 โครงการ โดยปัจจุบันพัฒนาไปแล้ว 2
โครงการ เริ่มจากในปี 2561 เป็นการพัฒนาโครงการ“วินแดม
แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต” ในรูปแบบ Condotel มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท และปี 2563 พัฒนาโครงการเมกะ โปรเจค “นาใต้
เมดิคอล เซ็นเตอร์ แอนด์ รีสอร์ต” โดยได้เทกโอเวอร์ในส่วนของโรงแรมมาเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อรวมเม็ดเงินในการซื้อกิจการ
รีโนเวทและพัฒนาโครงการแล้ว คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งโครงการภายในปี 2569
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา
กรุ๊ป กล่าวอีกว่า ในปลายปีนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิด
Medical Service ส่วนที่ 1 คือ Life
Clinic & Well-Being Resort เป็นศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพระดับพรีเมียมควบคู่กับรีสอร์ตระดับ
6 ดาว ประกอบไปด้วย 12 ยูนิต
พร้อมห้องอาหารบริการในคอนเซ็ปต์ Farm to Table และ Sea
to Table มีเชฟมืออาชีพดีกรีระดับ
มิชลิน พร้อมเชฟด้านการบูรณาการสุขภาพระดับสากล
ในส่วนบริการของศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพระดับพรีเมียม เช่น
การวินิจฉัยโรคแบบเชิงลึกเพื่อออกแบบโปรแกรมการรักษาเฉพาะบุคคล เวชศาสตร์ป้องกัน
โดยมีการประยุกต์ความรู้ทุกด้านนำมาใช้ร่วมกันแบบองค์รวม
เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีจากภายในสู่ภายนอกให้กับแขกที่เข้ารับบริการ เป็นต้น
สำหรับอีก
2 ส่วน คาดว่าจะทยอยเปิดให้บริการได้ในเฟสถัดไป คือ
Medical Center ศูนย์การแพทย์พร้อมบริการผ่าตัดทางการแพทย์และการวินิจฉัยโรคด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด
อาทิ ศาสตร์ทางการแพทย์ที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายจากภายในสู่ภายนอกแบบองค์รวม
เวชศาสตร์การกีฬา Anti-Aging บริการ IVF ศูนย์กัญชาบำบัด และการดูแลสุขภาพเพื่อก้าวสู่ยุคหลังวิกฤติโควิด-19 เป็นต้น
ขณะที่โซน
Resort มีการปรับปรุงและขยายเพิ่ม
พร้อมยกระดับมาตรฐานเป็นโรงแรม 5 ดาว
โดยมีห้องพักและพูลวิลล่า รวมของเดิมทั้งสิ้น 177 ยูนิต
อีกทั้งยังมีโครงการจะขยายโรงแรมเพื่อผลักดันให้เป็น Mice Hotel เพื่อรองรับการจัดสัมมนาขนาดใหญ่อีกด้วย คาดว่าทั้งโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี
2569
อย่างไรก็ตาม โครงการ“นาใต้ เมดิคอล
เซ็นเตอร์ แอนด์ รีสอร์ต” (Natai Medical Center & Resort) เป็นโครงการที่บริษัทฯ มีแผนที่จะพัฒนาให้เป็น Medical Hub ในอนาคต หากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
หรือมีพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนก็จะยิ่งทำให้เป็น Medical Hub ได้เร็วขึ้น
ซึ่งซิซซาพร้อมที่จะเปิดกว้างทั้งในรูปแบบของพันธมิตรและนักลงทุน
โดยที่ผ่านมาจะเป็นพันธมิตรที่เข้าร่วมทุนจากกลุ่มแพทย์
เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในโครงการเมกะโปรเจคแห่งนี้มากขึ้น
ทั้งนี้ ภาพรวมตลาด Medical
Tourism จากข้อมูลสถิติของอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ
พบว่าตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) มีมูลค่าที่
639 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 20 ล้านล้านบาท ขณะที่ตลาดโครงการอสังหาฯ
การดูแลสุขภาพมีมูลค่าที่ 134.3 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 4.4 ล้านล้านบาท
โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีส่วนแบ่งตลาดดังกล่าวถึง 46.8 พันล้านดอลลาร์
หรือกว่า 1.6 ล้านล้านบาท
ส่วนในปี 2565 มีแผนพัฒนาโครงการ “Avatarn Theme
Park Resort” บริเวณหาดลายัน จ.ภูเก็ต โดยมองว่าที่ผ่านมาลูกค้าสัดส่วนประมาณ 30% ที่มาเที่ยวภูเก็ตจะเป็นในรูปแบบครอบครัว แต่ไม่ค่อยมีสวนสนุกรองรับ
จึงได้ซื้อที่ดินจำนวนประมาณ 16 ไร่
พัฒนาในรูปแบบโครงการอสังหาฯ เพื่อการลงทุนเมกะโปรเจกต์มิกซ์ยูส ประกอบด้วย
โรงแรมระดับ 4 ดาว
และสวนสนุกสำหรับเด็ก มูลค่าโครงการ 4,700 ล้านบาท
ซึ่งนักลงทุนสามารถร่วมเป็นเจ้าของได้ ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 5.1 ล้านบาท
|