บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (PCE) ได้รับการคัดเลือกเข้าทำเนียบ ESG100 จากสถาบันไทยพัฒน์
เนื่องจากมีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental
Social and Governance: ESG) จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียน ในปี
พ.ศ. 2568 ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน
การที่ PCE ได้รับคัดเลือกเข้าทำเนียบ
ESG100 ของสถาบันไทยพัฒน์
ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
โดยผนวกแนวทางรักษ์โลกเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์หลัก ทั้งภายในและภายนอกองค์กร
มุ่งสร้างสมดุลตามหลัก ESG ครบทั้ง 3 มิติ ได้แก่
สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ควบคู่กับมิติเศรษฐกิจ
สะท้อนถึงความก้าวหน้าและความตั้งใจในการดำเนินธุรกิจเสมอมา
ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ที่แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน PCE ยังคงมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
ลดปริมาณการบริโภคทรัพยากร สร้างระบบจัดการของเสียและมลพิษอย่างเป็นรูปธรรม
ตลอดจนนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ โดยมุ่งสร้างสมดุลตามหลัก ESG
ควบคู่กับมิติเศรษฐกิจ
เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินงานและทิศทางของประเทศสู่การเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon
Neutrality) ภายในปี 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net
Zero) ภายในปี 2608
สำหรับในไตรมาส 1/2568 กลุ่มบริษัท PCE มีความคืบหน้าในการดำเนินงานด้าน ESG หลายประการ
เช่น ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Corporate Carbon
Footprint; CFO) เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 โดยมีบริษัท ทูฟ นอร์ด
(ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ทวนสอบ, กลุ่มธุรกิจโรงงานในเครือได้รับการรับรองมาตรฐาน
ISO 50001 (Energy Management Systems) จากบริษัท ทูฟ นอร์ด (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568
ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นในการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงดำเนินการตรวจสอบและทวนสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตตามกฎหมาย
EU Deforestation Regulation (EUDR) โดยร่วมมือกับ NECTEC
เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าไม่ได้มาจากการตัดไม้ทำลายป่า
ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการส่งออกไปยังสหภาพยุโรป
ในปี 2568 คาดว่ารายได้ PCE จะเติบโตอย่างต่อเนื่องแตะระดับ 30,000 ล้านบาท โดยมีแนวโน้มที่ดีสำหรับการส่งออกน้ำมันปาล์มไปยังตลาดจีนและอินเดีย
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ
ได้เตรียมแผนขยายกำลังการผลิตโดยมุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าของสินค้า
และขยายช่องทางจัดจำหน่าย เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้
ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนากลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน
ผ่านการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้
พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
วันที่ 19 มิถุนายน 2568