บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) (NEX) เปิดเผยว่าต้องการให้นักลงทุนและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าใจถึงสถานการณ์ของ EA และ NEX ได้อย่างถูกต้องและเห็นภาพที่ชัดเจนถึงการแก้ไขปัญหาทั้งระบบ อีกทั้งการเพิ่มทุนของ NEX ในครั้งนี้ เพียงพอที่จะทำให้บริษัทดำเนินธุรกิจในอนาคตได้อย่างราบรื่นและก่อให้เกิดความเชื่อมั่นทั้งจากลูกค้าและซัพพลายเออร์ ซึ่งการเพิ่มทุนแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะขายให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 75 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.55 บาท พร้อมรับวอร์แรนท์อีก 75 ล้านหน่วย มีอัตราการใช้สิทธิแปลงสภาพ 1 หน่วยต่อ 5 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ในอัตรา 12.75 บาท ซึ่งจะจัดสรรให้กับ คุณคณิสสร์ ศรีวชิระประภา และพันธมิตรทางธุรกิจรายอื่นๆ เพื่อให้คงสถานะเป็น Major Shareholder เพื่อให้มีความมุ่งมั่นในการผลักดันธุรกิจให้เติบโตสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อไปในอนาคต
ส่วนที่สองแบ่งออกเป็น 2 ชุดซึ่งจะจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมภายในปี 2567 ชุดแรกจำนวน 2,096.82 ล้านหุ้น อัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน ราคาหุ้นละ 1 บาท และชุดที่สองจำนวนไม่เกิน 6,290.48 ล้านหุ้น อัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1.5 หุ้นเพิ่มทุน ราคาหุ้นละ 1 บาท
สาเหตุที่จัดแบ่งออกเป็นสองชุด เพราะไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในการทำธุรกิจทันที เมื่อได้เงินก้อนแรกมาทีมผู้บริหารจะทำงานเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าบริษัทไปต่อได้และมีอนาคต จากนั้นจึงจะเรียกเพิ่มทุนในชุดที่สอง ทั้งนี้ได้เปิดเผยข้อมูลให้เห็นตั้งแต่เริ่มต้นจนจบทั้งหมด เพื่อให้ทุกคนได้รับข้อมูลเท่าเทียมกันและมีสิทธิตัดสินใจว่าจะเลือกแนวทางใด
ทั้งนี้ความร่วมมือกับ NEX บริษัทฯ จะให้การสนับสนุน และเสริมสร้างความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกันอย่างเต็มที่ ซึ่งจะเป็นจุดเชื่อมในการช่วยต่อยอดและขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมไปถึงการใส่เงินเพิ่มทุนเพื่อให้ NEX มีศักยภาพสามารถขยายธุรกิจเพิ่มเติม รวมถึงรองรับการลงทุนใหม่ๆ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับบรรดาพันธมิตรและคู่ค้าทางธุรกิจ
สำหรับปีนี้ บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) ตั้งเป้าส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5,000 คัน พร้อมเร่งขยายการเติบโตตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ EA โดยในไตรมาส 1/2567 บริษัทฯ ส่งมอบรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้กับลูกค้าเกือบ 600 คัน และในช่วงที่เหลือของปีนี้มีแผนเข้าร่วมเสนองานใหม่หลายโครงการ และจะร่วมประมูลงานยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากภาครัฐ, รัฐวิสาหกิจ มหาวิทยาลัย และภาคเอกชน ที่มีความสนใจและนำรถไฟฟ้ามาใช้ในองค์กร เช่น รถโดยสารไฟฟ้า รถเมล์สาธารณะไฟฟ้า รถรับ-ส่งพนักงาน รถรับ-ส่งนักศึกษาในมหาวิทยาลัย รถขนขยะไฟฟ้า และรถหัวลากไฟฟ้า เป็นต้น ทำให้มั่นใจว่ายอดการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าในปีนี้จะมียอดทะลุ 5,000 คัน ตามเป้าหมายที่วางไว้