แนวโน้มผลการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 2/2567 ของบริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (TGE) ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกปีนี้ โดยเฉพาะการรับรู้รายได้จากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 โดยโครงการดังกล่าวมีกำลังผลิตติดตั้งรวม 7 เมกะวัตต์ ระยะเวลาสัญญา 5 ปี

สำหรับการดำเนินธุรกิจในช่วงที่เหลือของปี 2567 บริษัทฯ มีแผนที่จะเข้าศึกษาธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานสะอาดทั้งแผนเข้าลงทุนเอง และเข้าลงทุนร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อขยายไปยังโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนประเภทอื่นๆ ที่มีศักยภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4/2567 เพื่อดันเป้ากำลังการผลิตติดตั้งรวมแตะ 200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2575 ตามแผนที่วางไว้ ผลักดันการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด

TGE ได้เล็งเห็นถึงโอกาสที่จะขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนประเภทอื่นที่มีศักยภาพในประเทศในกลุ่ม CLMV เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม จำนวน 28.8 MW ในประเทศเวียดนาม และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 20 MW ที่ประเทศกัมพูชา โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษาโครงการ ทั้งในรูปแบบของ M&A และรูปแบบโครงการที่เริ่มต้นบริหารเอง ภายใต้การบริหารจัดการที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดในการลงทุน ดังนั้นในช่วงแรกจึงมองในเรื่องของการ M&A โรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 4/2567 นี้

ในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะชุมชนที่บริษัทฯ ได้รับคัดเลือกจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เรียบร้อยแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 6 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 49.8 เมกะวัตต์ โดยมีความคืบหน้าในการก่อสร้างเฟสที่ 1 จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนในพื้นที่ จังหวัดสระแก้ว จังหวัดชุมพร จังหวัดราชบุรี และจังหวัดชัยนาท กำหนดแล้วเสร็จและคาดพร้อมจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ปลายปี 2568 และต้นปี 2569 ขณะที่โครงการในเฟส 2 จำนวนทั้งสิ้น 2 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนในจังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดอุบลราชธานี มีแผนเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2568 กำหนดแล้วเสร็จพร้อม COD ปลายปี 2569 และต้นปี 2570

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 258.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 234.9 ล้านบาท โดยมีกำไรขั้นต้น 90.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 85.1 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 64.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 63 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการรับบริหารจัดการโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส และการปรับตัวเพิ่มขึ้นของค่า FiT รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการจ่ายชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน