บล.ไอร่า
จำกัด (มหาชน) (AIRA) เผยแพร่บทวิเคราะห์
แนะนำซื้อหุ้น บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (PCE) ที่ประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 เท่ากับ 3.60 บาท โดยระบุว่า คาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 ของ PCE จะกลับมาเติบโตโดดเด่นอีกครั้ง
เนื่องจากจะกลับมาส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ได้ตามปกติ
หลังจากประสบปัญหาขาดแคลนในช่วงไตรมาส 1/2568
ซึ่งไม่มีการส่งออกเลย และคาดว่าราคาส่งออกยังมีความสามารถในการแข่งขันได้
หลังจากอินโดนีเซียปรับขึ้นภาษีส่งออกผลิตภัณฑ์ปาล์มจาก 7.5%
เป็น 10% ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป
ทั้งนี้
คาดว่าราคา CPO ไตรมาส 2/2568 จะอยู่ในช่วง 31-36 บาทต่อกิโลกรัม
หลังจากเริ่มมีผลปาล์มออกมามากขึ้นในช่วงฤดูฝน ส่งผลให้
บริษัทฯมีวัตถุดิบพร้อมผลิตมากขึ้น และคาดว่าจะไม่มีขาดทุนจากสต็อก จากราคา CPO
ที่เริ่มทรงตัว แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่
เช่น น้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBDKPO) ส่งออก
โดยคาดว่าปริมาณส่งออกในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นถึง 140% และคาดมีกำไรขั้นต้นสูง
ด้านแนวโน้มการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบในปี
2568 คาดว่ายังเติบโตดี จากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มทั้งจาก
จีน อินเดีย และทวีปยุโรป ส่งผลดีโดยตรงต่อ PCE ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ของไทย
โดยโอกาสเติบโตในอนาคตจะมาจากทั้งการส่งออกที่จะเพิ่มขึ้นทั้ง CPO, ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องซึ่งมี margin สูง, การส่งออกน้ำมันใช้แล้วเพื่อใช้ผสมในน้ำมันเครื่องบิน และการ rebrand
น้ำมันพืชตรา รินทิพย์ โดยเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายในห้าง modern
trade เพิ่มขึ้น เป็นต้น
ส่วนทาง
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประเมินหุ้น PCE ในราคาเหมาะสม 3.10 บาท คงประมาณการกำไรปี 2568 ที่ 610 ล้านบาท โดยมองว่าทิศทางงบการเงินไตรมาส 2/2568 ฟื้นตัว, แนวโน้มการเพิ่มอัตราผสมน้ำมันดีเซล B7,
โอกาสการฟื้นตัวของราคาน้ำมันปาล์มจากมาตรการขึ้นภาษีส่งออกของอินโดนีเซียจะช่วยหนุนราคาหุ้นในระยะถัดไป
สำหรับแนวโน้มไตรมาส
2/2568 ที่คาดว่าจะฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า
มาจากแรงหนุนกลยุทธ์การทำสัญญาขายล่วงหน้า, อุปสงค์เพิ่มขึ้นจากการเร่งเติมสต็อกของอินเดีย,
ปริมาณขายเพิ่มขึ้นตามอุปทานวัตถุดิบในตลาด, ไม่มีตั้งสำรองสินค้าคงคลังกดดัน
นอกจากนี้ การปรับอัตราผสมไบโอดีเซลเป็น B7 (รอประกาศใช้)
และโอกาสการฟื้นตัวของราคาน้ำมันปาล์มจะเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติม
พร้อมกันนี้
คาดว่าราคาน้ำมันปาล์มเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน จะฟื้นตัวเนื่องจาก 1.การเร่ง ส่งออกน้ำมันปาล์มในช่วงที่ผ่านมาจะทำให้ปริมาณสต็อกของประเทศลดลง
และ 2.Sentiment บวกจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลก
จากมาตรการการขึ้นภาษีส่งออกน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซีย
ทั้งนี้
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่าอินโดนีเซียปรับขึ้นภาษีส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ
(CPO) จาก 7.5% เป็น 10% และ เริ่มวันที่ 17 พฤษภาคม เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่หน่วยงานภาครัฐ ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมไบโอดีเซล
และการปลูกปาล์ม คาดว่าการขึ้นภาษีดังกล่าวจะทำให้ผู้ส่งออกของอินโดนีเซีย
(ผู้ผลิตรายใหญ่สุดของโลก) ผลักภาระต้นทุนไปยังผู้ซื้อ
และหนุนราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลกสูงขึ้น
นอกจากนี้
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม
คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.)
ยังมีมติขอความร่วมมือกระทรวงพลังงานปรับสัดส่วนน้ำมันดีเซลจาก B5 เป็น B7 (ปัจจุบันรอประกาศใช้)
ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์น้ำมันปาล์ม ดูดซับอุปทานในตลาด
ทำให้ราคามีโอกาสฟื้นตัว และส่งผลดีต่อปริมาณการใช้ไบโอดีเซล