เสนาให้ Solar บรรเทาภาระลูกบ้าน

         บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ เผยอาจมีการปรับราคาขายบ้านตามภาวะต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ลดภาระลูกบ้านด้วยการติดโซลาร์เซลล์ให้ทุกหลัง ซึ่งตอนนี้มีโครงการอยู่ระหว่างการขายรวม 90 โครงการ มูลค่า 5.2 หมื่นล้านบาท ชี้ตลาดอสังหาฯ จะไปต่อได้ ต้องให้เศรษฐกิจดีช่วยขับเคลื่อน ที่สำคัญผู้ประกอบการต้องคุมวัสดุก่อสร้างให้ดี และเรื่องดอกเบี้ยที่ต้องติดตาม           



        ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) กล่าวว่า สถานการณ์ของต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น มีแนวโน้มว่าผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์จะทยอยปรับราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น โดยในส่วนของเสนาฯ อาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ราว 0-10% โดยมากน้อยขึ้นอยู่แต่ละโครงการ 

        ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้ออกแคมเปญต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละกลุ่มลูกค้า รวมถึงการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาทุกโครงการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกบ้าน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาด รอบ 2 ปีที่ผ่านมาที่คนทำงานต้องปรับการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ โดยทำงานอยู่ที่บ้าน ค่าไฟฟ้าจึงเป็นตัวแปรสำคัญที่เป็นภาระค่าใช้จ่าย   

          

       “ที่อยู่อาศัยที่ติดตั้งโซลาร์ จะช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าได้อย่างแท้จริง ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โดยในปี 2565 นี้ บริษัทฯ จะมีการผลักดันการใช้โซลาร์รูฟท็อปในโครงการใหม่ของเสนาฯ ทุกโครงการ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดของปีนี้ โดยเฉพาะในโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว 

       ทั้งนี้ ในปี 2565 กำลังต้องเผชิญกับวิกฤติราคาพลังงานโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น มีผลต่อราคาค่าไฟฟ้า  คณะกรรมการกิจการพลังงาน (กกพ.) จึงได้มีมติให้ปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (FT) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 โดยให้เรียกเก็บที่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บกับประชาชนเพิ่มเป็น 4.00 บาทต่อหน่วย จากเดิมเรียกเก็บที่ 3.76 บาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้น 5.82% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 



       ปัจจุบันบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายรวมทั้งสิ้น 90 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 52,617 ล้านบาท และในปี 2565 มีโครงการใหม่ 49 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 27,480  ล้านบาท แบ่งเป็นแนวสูง 21 โครงการ และแนวราบ 28 โครงการ ส่วนหนึ่งเกิดจากการควบรวมกิจการบริษัท เจ.เอส.พี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP ในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่าล้านบาท ส่วนใหญ่จะอยู่ภายใต้แบรนด์ เสนาคิทท์ ซึ่งได้รับกระแสตอบรับดีจากกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากคู่แข่งขันในตลาดน้อย และมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน โดยเฉพาะพนักงานบริษัท ปัจจุบันเสนาฯ มีประมาณ 10 โครงการ กระจายอยู่ในพื้นกรุงเทพฯ ปริมณฑล และพื้นที่ใกล้เคียงกับนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ บางชัน, ลาดกระบัง, บางกระดี และนวนคร เป็นต้น 

        ผศ.ดร.เกษรา กล่าวอีกว่า ภาวะเศรษฐกิจถือเป็นตัวแปรสำหรับธุรกิจอสังหาฯ เพราะหากเศรษฐกิจดีประชาชนก็จะมีกำลังซื้อที่ดี ที่อยู่อาศัยก็จะมียอดขายดีตามไปด้วย โดยหากเทียบกับช่วงวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์แม้เงินเฟ้อจะสูงขึ้นแต่เศรษฐกิจภาพรวมดีทำให้มีการปรับขึ้นค่าจ้าง แต่เศรษฐกิจไทยขณะนี้เผชิญกับเงินเฟ้อและการชะลอตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ทำให้รายได้สวนทางกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นมาก กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานที่มีฐานเงินเดือน 20,000-30,000 บาท หากซื้อที่อยู่อาศัยต้องห่างไกลจากตัวเมือง และเมื่อคิดค่าเดินทางคงไม่คุ้ม ส่งผลให้กลุ่มคนดังกล่าวชะลอหรือไม่คิดซื้อที่อยู่อาศัย ทำให้กระทบต่อภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ของไทย 

       นอกจากนี้ ต้นทุนของผู้ประกอบการอสังหาฯ ภาพรวมที่ขึ้นมา 10% ซึ่งมาจากทั้งราคาเหล็กก่อสร้างที่ปรับขึ้นจากกิโลกรัมละ 22 บาท เพิ่มเป็น 28 บาท รวมถึงคอนกรีตและสินค้าอื่นๆ ที่เป็นการซ้ำเติมภาคอสังหาฯ จากก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ทำให้ต้นทุนแรงงานสูงขึ้นไปก่อนแล้ว จึงทำให้ผู้ประกอบการภาคอสังหาฯ อาจต้องมีการทยอยปรับขึ้นราคาที่อยู่อาศัย 



       กรรมการผู้จัดการ บมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวสรุปว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ยังพอไปได้ แต่ขึ้นอยู่ว่าใครจะควบคุมต้นทุนการก่อสร้างและปรับตัวให้เข้ากับธุรกิจของตัวเองให้มากที่สุดได้มากกว่า หากใครบริหารจัดการส่วนนี้ได้มากก็จะทำให้มีความได้เปรียบ และนอกเหนือจากต้นทุนที่สูง อีกปัจจัยที่ต้องติดตามก็คือ แนวโน้มดอกเบี้ยที่อาจจะเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งขณะนี้การปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงินต่างๆ ก็เข้มงวดมากอยู่แล้วจะเห็นได้จากลูกค้าถูกปฏิเสธการขอสินเชื่อกว่า 40-50% จากจำนวนผู้ขอสินเชื่อ 100% เพราะมีหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นเสนาฯ จึงได้จัดตั้ง บริษัท Power Cash ธุรกิจบริการสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อซื้อบ้านและคอนโดมิเนียม เพื่อให้ลูกค้าทุกคนสามารถมีที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น

 
เว็บสำเร็จรูป
×