CHEWA จัดทริปพาลูกค้าไปจอร์เจีย

        บมจ.ชีวาทัย พร้อมลงทุนซื้อที่ดิน 1.7 พันล้านบาท และพัฒนาเพิ่มอีก 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 6,350 ล้านบาท ทั้งบ้านและคอนโด โดยตั้งเป้ายอดขายที่ 3,100 ล้าน รวมทั้งจัดเมกะเซลล์ ระบายสต๊อกที่มีอยู่กว่า 3 พันล้าน พ่วงด้วยแคมเปญจองพร้อมโอน ได้สิทธิ์เที่ยวจอร์เจีย นอกจากนี้ยังเพิ่มบริการเป็นที่ปรึกษาให้ผู้ที่อยากมีบ้าน ต้องได้บ้าน โดยจะเข้าไปดูแลตั้งแต่การดูแลเรื่องการยื่นกู้ 



        นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) (CHEWA) เปิดเผยว่า ในปีนี้จะเน้นจำหน่ายให้มากขึ้น หลังจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อทำคอนโดมิเนียม แต่ยัง คงเหลือสต๊อกสินค้าที่เป็นห้องชุดและบ้านแนวราบมูลค่ารวม 3 พันกว่าล้านบาท ที่พร้อมโอน ดังนั้นปีนี้ถือเป็นปีที่จะเร่งระบายสินค้าคงเหลือ โดยจะจัดกิจกรรม MEGA SALE ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มิถุนายน และกันยายน  สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,148 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70 % จากปีก่อนเป้าหมาย ส่วนยอดขายในปี 2566 ตั้งไว้ที่ 3,100 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ตั้งไว้ที่ 2,400 ล้านบาท ขณะที่แบ็กล็อกที่มีอยู่ (สิ้นสุดปี 2565) คิดเป็นมูลค่า 889 ล้านบาท   

        สำหรับในปี 2566 บริษัทฯ มีแผนการลงทุนและเปิดโครงการใหม่ เริ่มจากการเปิดตัวบ้านเดี่ยวแบรนด์ชีวารมย์ 1 โครงการ คือ ชีวารมย์ นิว ราชพฤกษ์ มูลค่าโครงการประมาณ 687 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2566 นอกจากนี้ยังวางแผนเพื่อหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการเพิ่มเติม ตามเป้าหมาย 7 โครงการ ภายในปี 2566 มูลค่าโครงการรวม 6,350 ล้านบาท (วงเงินค่าที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ ประมาณ  1,700 ล้านบาท) โดยแบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ แบรนด์ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค  2 โครงการ มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียมตึกสูง แบรนด์ชีวาทัย 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ แบรนด์ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ไลท์  1 โครงการ มูลค่า 700 ล้านบาท บ้านเดี่ยวแบรนด์ชีวารมย์ 2 โครงการ มูลค่า 1,500 ล้านบาท และทาวน์โฮมแบรนด์ชีวาโฮม 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท และบริษัทฯ ยังคงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และเปิดรับการร่วมลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง 



       ชีวาทัยได้เตรียมโปรโมชั่นสำหรับลูกค้ามากมาย ตามกลุ่มเป้าหมายแต่ละโครงการ โดยตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่เริ่มไปแล้วกับโปรโมชั่น “คุ้มแน่! จอง 0 บาท รับทัวร์จอร์เจียทุกยูนิต” โดยมอบสิทธิพิเศษนี้สำหรับลูกค้าที่จองและโอนคอนโดทำเลศักยภาพ 3 ทำเล ( ชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ , ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย 4 และชีวาทัย ปิ่นเกล้า) ตั้งแต่ 15 มกราคม - 31 มีนาคม 2566 ทุกห้องจะได้รับแพ็คเกจท่องเที่ยวและตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ประเทศจอร์เจีย จำนวน 1 สิทธิ์ มูลค่า 40,000 บาท ซึ่งหลังจากที่เปิดตัวออกไปก็ได้รับกระแสตอบรับค่อนข้างดี มีลูกค้าให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก คิดว่าโปรโมชั่นนี้ น่าจะตอบโจทย์ผู้บริโภคที่สุด ที่ได้ทั้งที่อยู่อาศัยใหม่ และได้แพ็คเกจท่องเที่ยวต่างประเทศไปด้วย 

        นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมช่วยเหลือผู้ที่อยากมีบ้าน แต่อาจมีปัญหาด้านการกู้สินเชื่อ ด้านข้อมูลอสังหาฯ กับโครงการ “อยากซื้อบ้านเจอแต่ปัญหา มาหาชีวาทัย” ที่จะเปิดตัวเร็วๆ นี้ เพื่อช่วยคนอยากมีบ้าน ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมตัว เตรียมสินเชื่อ การเลือกโครงการที่ใช่ โดยจะมีการเปิดตัวทีมงานมืออาชีพ เพื่อช่วยลูกค้าทุกคน คาดว่าจะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยากมีบ้านแต่ยังกังวลเรื่องการกู้สินเชื่อ หรือต้องการที่ปรึกษา 

        ส่วนเรื่องการดูแลลูกค้า เป็นสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญเป็นอันดับ 1 โดยยังคงเดินหน้าพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการหลังการขายจาก “ ชีวาแคร์ ” อย่างต่อเนื่อง  เพื่อตอกย้ำและก้าวเป็นที่ 1 ในใจลูกค้าด้านคุณภาพและบริการ (สำหรับกลุ่มบริษัทอสังหาฯ ช่วงรายได้ไม่เกิน 5 พันล้านบาท) พร้อมกันนี้ยังคงมุ่งรักษาคุณภาพสินค้าให้ลูกค้าตรวจ Zero Defect ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ลูกค้าที่มาซื้อโครงการกับชีวาทัย ได้สิ่งที่ดีที่สุดตั้งแต่บริการก่อนการขายตลอดจนถึงบริการหลังการขาย พร้อมสิทธิพิเศษและบริการมากมายจากชีวาทัยอีกด้วย 

  

        ในด้านภาพรวมตลาดอสังหาฯปี 2566 นายบุญ ชุน เกียรติ กล่าวสรุปว่า มีแนวโน้มเติบโตตามการฟื้นตัวของสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง แต่ก็มีอีกหลายปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบกับการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นราคาอสังหาฯ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากโครงการที่อยู่อาศัยที่เป็นต้นทุนเดิมมีอยู่ในตลาดค่อนข้างน้อย 

        ดังนั้นโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวใหม่ ส่วนใหญ่จะคำนวณราคาจากต้นทุนใหม่ที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากภาวะเงินเฟ้อ ค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับตัวขึ้น และต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นทั้งจากค่าวัสดุ รวมทั้งราคาพลังงานซึ่งเป็นทั้งต้นทุนการผลิตและต้นทุนในการขนส่ง อีกหนึ่งปัจจัยคือ การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของภาครัฐ ซึ่งส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยเงินฝากปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ซื้อบ้านต้องส่งค่างวดสูงขึ้นกว่าเดิม หรือใช้เวลาในการผ่อนชำระนานมากขึ้น สถาบันการเงินจะมีหลักเกณฑ์พิจารณาการอนุมัติสินเชื่อเข้มงวดมากขึ้นอีกสำหรับลูกค้า วงเงินกู้ที่ผ่านการอนุมัติอาจได้รับลดลง แม้ว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาฯ ของภาครัฐออกมาเป็นระยะ แต่อาจไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นการเติบโตของตลาดในภาพรวมได้

 
เว็บสำเร็จรูป
×