นิว
เอ็นเนอร์จี้ฯ หาจุดคลิกกับสถานศึกษา คว้ามาได้อีก 2 โรงเรียน “นานาชาติโชรส์เบอรี
กรุงเทพ-ริเวอร์ไซด์ และอำนวยศิลป์” การติดตั้งรวม 1,128 กิโลวัตต์ มูลค่าลงทุนกว่า 60 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าพูดคุยกับอีกหลายโรงเรียน
โดยนำเสนอแอพพลิเคชั่นที่ดูการผลิตไฟ ค่าไฟที่ลดลงได้แบบเรียลไทม์
นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ประธานกรรมการบริหาร
บริษัท นิว เอ็นเนอร์จี้ พลัส โซลูชั่นส์ จำกัด (NEPS) กล่าวว่า บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจในการเข้าไปติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี
กรุงเทพ-ริเวอร์ไซด์ แคมปัส และโรงเรียนอำนวยศิลป์
ซึ่งเป็นโรงเรียนชั้นนำของประเทศไทยที่มีแนวทางการให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม
มีแผนงานด้านการประหยัดพลังงาน รวมถึงมีแนวคิดและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด
โดยเฉพาะการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ผ่านโซลาร์รูฟท็อป
ทั้งสองโรงเรียนมีการลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปรวมกว่า
60 ล้านบาท โดยโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพ-ริเวอร์ไซด์ แคมปัส
มีขนาดติดตั้ง 998 กิโลวัตต์ บนพื้นที่ 420 ตารางเมตร มูลค่าลงทุนกว่า 30 ล้านบาท
สามารถประหยัดค่าไฟได้ปีละ 5,000,000 บาท และลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ได้ 700,000
กิโลกรัมต่อปี
ขณะที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อปขนาด 128 กิโลวัตต์ บนพื้นที่ 60
ตารางเมตร ประหยัดค่าไฟได้ปีละ 650,000 บาท ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ได้ 90,000
กิโลกรัมต่อปี และ NEPS ยังชนะประมูลการก่อสร้างหลังคาเพื่อรองรับการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป
รวมถึงงานปรับปรุงอาคารเรียนและอาคารอเนกประสงค์ รวมมูลค่าลงทุนกว่า 30 ล้านบาท
ทั้งนี้ โรงเรียนเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เหมาะสมกับการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป
เนื่องจากมีการใช้ไฟฟ้าในปริมาณมาก โดยเฉพาะช่วงกลางวันที่มีการเรียนการสอน หรือการทำกิจกรรมในพื้นที่ต่างๆ
ภายในโรงเรียน ซึ่งการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปจะช่วยลดต้นทุนค่าไฟได้ในระยะยาว
อย่างไรก็ดี
โรงเรียนที่มีความสนใจและต้องการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปจะต้องมีพื้นที่หลังคาที่กว้างและแข็งแรงเพียงพอสำหรับการติดตั้งแผงโซลาร์
โดยบริษัทฯ มีทีมวิศวกรที่พร้อมให้บริการในการสำรวจหน้างาน
ครอบคลุมถึงการดูแลและให้คำแนะนำ
และในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเสริมโครงสร้างหลังคา ทาง NEPS ก็มีทีมวิศวกรหลังคาที่สามารถให้คำแนะนำตลอดไปถึงการให้บริการเสริมโครงสร้างหลังคาด้วยเช่นกัน
“การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปนอกจากจะช่วยโรงเรียนประหยัดค่าไฟแล้วยังเป็นการช่วยประหยัดพลังงานและลดการเกิดมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นจากการผลิตไฟฟ้า
ถือได้ว่าแนวทางสำหรับโรงเรียนที่สนใจและให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ต้องการสร้างโรงเรียนสีเขียว
และต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดภาวะโลกร้อน รวมถึงสร้างสรรค์โลกใบนี้ให้มีความยั่งยืน
ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ของ NEPS ที่ต้องการดำเนินธุรกิจที่สร้างความยั่งยืนให้กับโลกด้วยเช่นกัน
โดยการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปนับเป็นเทรนด์ด้านพลังงานทั้งในปัจจุบันและอนาคต” นายตรีรัตน์ กล่าว
นอกจากนี้ NEPS ยังอยู่ระหว่างการเจรจาและทำสัญญากับโรงเรียนอื่นๆ
เพิ่มเติม โดยมีหลายโรงเรียนได้ให้ความสนใจในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป
ซึ่งแผงโซลาร์เซลล์ในปัจจุบันได้รับการอัพเกรดจากเทคโนโลยีใหม่ๆ
ให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าแผ่นโซลาร์สมัยก่อนถึง 1 เท่าตัว ทำให้การคืนทุนเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว
โดยในส่วนของ NEPS มีแอปพลิเคชั่นจากอินเวอร์เตอร์ SolarEdge
ที่สามารถมอนิเตอร์การผลิตไฟได้แบบเรียลไทม์ และติดตามตัวเลขต่างๆ
ได้ อย่างเช่น ปริมาณการใช้ไฟฟ้าและจำนวนค่าไฟที่ลดลง เป็นต้น NEPS มองว่าการเข้ามาทำงานร่วมกับกลุ่มโรงเรียนนับโอกาสสำคัญในการร่วมสร้างโรงเรียนสีเขียวให้กับประเทศไทย
อีกทั้งยังเป็นการขยายพอร์ตลูกค้าและสร้างการเติบโตให้กับ NEPS ไปพร้อมกันอีกด้วย