เอปสัน ทุ่ม 30 ล้าน เปิดศูนย์รวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งใหม่ บนพื้นที่ 600 ตร.ม. ที่ตึกปัญญ์
ทาวเวอร์ รองรับลูกค้า B2B โดยออกแบบในแนวคิดที่สนับสนุนจุดยืนทางด้านความยั่งยืน สร้างสรรค์การพิมพ์และฉายภาพด้วยเทคโนโลยีทันสมัย
ควบคู่การใส่ใจสิ่งแวดล้อม มีสินค้าไฮไลต์มาโชว์ อาทิ เครื่องพิมพ์สิ่งทอแบบ
Direct-to-Garment รุ่น Epson Monnalisa ML-8000 เครื่องพิมพ์ป้ายขนาดใหญ่
รุ่น Epson
SureColor SC-S60670 รวมถึงหุ่นยนต์แขนกล
นายจุนคิชิ โยชิดะ
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจเครื่องพิมพ์ บริษัท ไซโก้ เอปสัน
คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า
เอปสันไม่ได้กำหนดความก้าวหน้าขององค์กรที่ความสำเร็จด้านผลกำไรเท่านั้น
แต่ให้ความสำคัญอย่างมากกับความยั่งยืน
และได้นำมาใช้เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจและการพัฒนานวัตกรรม
อย่างเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่ใช้เทคโนโลยี Heat-Free ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของเอปสัน
ที่ใช้พลังงานน้อยและช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้บริษัทฯ
ประสบความสำเร็จอย่างมากจนกลายเป็นแบรนด์เครื่องพิมพ์อิงค์แทงค์อันดับ 1 ของโลกด้วยยอดจำหน่ายสะสมสูงถึง
90 ล้านเครื่อง เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้ เอปสันยังครองอันดับ 1
ในตลาดโปรเจคเตอร์ทั่วโลกมายาวนานถึง 22 ปีติดต่อกัน ที่สำคัญ บริษัทฯ
ได้เดินหน้าขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าองค์กร หรือ B2B มาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถก้าวขึ้นเป็นแบรนด์อันดับ 1
ในตลาดเครื่องพิมพ์หน้ากว้างของตลาดอาเซียนในปีที่ผ่านมาได้สำเร็จ
โดยมีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 21%
“เราตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปการดำเนินงานเพื่อลูกค้า
B2B และความสำคัญในการลงทุนด้านโครงสร้างเพื่อสนับสนุนโครงการใหม่ๆ ที่จะขับเคลื่อนการเติบโตในธุรกิจด้าน
B2B ดังนั้นการเปิดโซลูชั่น เซ็นเตอร์แห่งใหม่นี้จึงเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ของเอปสันได้รับรู้ถึงผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นด้าน
B2B ใหม่ๆ ของเอปสัน และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ช่วยให้องค์กรต่างๆ
ได้ใช้ผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่ยั่งยืนของเอปสัน
เพื่อยกระดับชีวิตที่ดีกว่าให้แก่คนรุ่นต่อไป” นายจุนคิชิ กล่าว
ด้านนายซิ่ว จิน เกียด
กรรมการผู้จัดการภูมิภาค เอปสัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า
การเปิดโซลูชั่นเซ็นเตอร์ในประเทศไทยถือเป็นก้าวสำคัญของเอปสัน
เพราะเมื่อรวมกับความสำเร็จในการเปิดโซลูชั่นเซ็นเตอร์ที่ผ่านมาในสิงคโปร์
อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย เอปสันก็จะมีทัชพอยต์สำหรับลูกค้า B2B ได้ครอบคลุมภูมิภาคนี้ได้มากยิ่งขึ้น
ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีบทบาทสำคัญต่อเอปสันมาโดยตลอด
ถือเป็นตลาดหลักของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ เอปสัน
ประเทศไทยยังเป็นศูนย์กลางต่อการดำเนินธุรกิจในประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์
และปากีสถานอีกด้วย ดังนั้นการเปิดโซลูชั่น
เซ็นเตอร์แห่งใหม่ล่าสุดจึงสะท้อนถึงความทุ่มเทของเอปสันที่จะสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจมากยิ่งขึ้นในภูมิภาคนี้
และตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินกิจการในประเทศไทย
“โซลูชั่น เซ็นเตอร์ของเอปสัน
ประเทศไทยได้รวมนวัตกรรมและความยั่งยืนมาไว้ด้วยกัน
การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ
เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเอปสันในด้านความยั่งยืน
โดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์และการฉายภาพอันทันสมัยของเอปสันมารังสรรค์พื้นที่ภายในให้สามารถใช้จัดแสดงโซลูชั่นระดับนวัตกรรม
ไปพร้อมกับส่งเสริมแนวปฏิบัติที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม
ช่วยให้ลูกค้าได้ใกล้ชิดกับผลิตภัณฑ์เหล่านั้นและความยั่งยืนในเวลาเดียวกัน” นายซิ่ว จิน
เกียด กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทฯ จะเดินหน้าขยายธุรกิจไปพร้อมกันทั่วทั้งภูมิภาค
แต่ความมุ่งมั่นในเรื่องความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยความยั่งยืนถือเป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอองค์กรของเอปสันและสะท้อนอยู่ในการดำเนินธุรกิจ
บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าโซลูชั่นที่ช่วยประหยัดพลังงาน
นวัตกรรมที่ช่วยลดขนาดพื้นที่ใช้งาน
และเทคโนโลยีที่มีความแม่นยำที่สูงพิเศษจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและเสริมสร้างชุมชนให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้นได้
ด้านนายยรรยง มุนีมงคลทร
ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เอปสันมองเห็นถึงศักยภาพและการเติบโตของสินค้าในกลุ่มธุรกิจ
B2B ในทุกตลาดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และได้วางกลยุทธ์เพื่อรุกตลาดนี้โดยเฉพาะ ตั้งแต่ด้านโครงสร้างของธุรกิจ
การพัฒนาทีมงาน ไปถึงการพัฒนาและการให้การสนับสนุนตัวแทนจำหน่าย
การลงทุนสร้างโซลูชั่น เซ็นเตอร์ในทุกประเทศก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ
เพื่อเป็นทัชพอยต์สำหรับลูกค้า B2B ซึ่งโซลูชั่น
เซ็นเตอร์แห่งใหม่ที่ประเทศไทยนี้ใช้งบประมาณกว่า 30 ล้านบาท
นอกจากจะได้รับการออกแบบให้สามารถใช้พื้นที่กว่า
600 ตร.ม. ได้อย่างคุ้มค่าแล้ว เอปสันยังได้เลือกคอนเซ็ปต์ “Sustainability of Asia and Season
Changes” ที่สนับสนุนจุดยืนทางด้านความยั่งยืนของเอปสันทั่วโลก
สำหรับสินค้าไฮไลท์ที่จัดแสดงในวันเปิดโซลูชั่น เซ็นเตอร์
ประกอบด้วยเครื่องพิมพ์สิ่งทอแบบ Direct-to-Garment รุ่น Epson
Monnalisa ML-8000 ที่ใช้หมึก UltraChrome ฐานน้ำ
เครื่องพิมพ์ป้ายขนาดใหญ่ รุ่น Epson SureColor SC-S60670
ที่ใช้หมึก Eco-Solvent หรือรุ่น SureColor SC-R5030L ที่ใช้หมึกเรซิ่น
ซึ่งหมึกที่ใช้ในเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมทั้งสามประเภทของเอปสันล้วนแต่ไร้กลิ่น
ไร้สารพิษ ช่วยลดมลพิษทางอากาศ และได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
จากมาตรฐานระดับโลก อาทิ Greenguard Gold, AgBB และ French-VOC
A+ Class เป็นต้น
สำหรับกลุ่มหุ่นยนต์แขนกล
จะมีการจัดแสดงทั้งแบบ Scara และแบบ 6 แกน
ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ระบบการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ มีความยืดหยุ่นรองรับการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย
เพิ่มผลผลิต และลดของเสียหรือปริมาณขยะที่เกิดขึ้น
ทำงานแทนคนในพื้นที่อันตรายหรือมีสารเคมีที่อันตรายต่อสุขภาพ
ช่วยลดการใช้พลังงานและลดพื้นที่การใช้งานได้สูงสุดถึง 40%
และลดเวลาการดำเนินการและจัดการเรื่องระบบผลิตอัตโนมัติ
เอปสัน
ยังมีเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทเพื่อธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยี Heat-Free อย่าง Epson
WorkForce Enterprise AM-Series ซึ่งไม่ใช้ความร้อน ใช้พลังงานต่ำ
และมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ
รวมถึงใช้วัสดุสิ้นเปลืองน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ทั้งยังถูกออกแบบระบบภายในให้สามารถใช้งานและบำรุงรักษาง่าย
เพราะมีชิ้นส่วนอะไหล่ที่ต้องดูแลรักษาน้อย ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน
|