“OR” ให้ทุกคนร่วมเป็นเจ้าของ

“OR” ให้ทุกคนร่วมเป็นเจ้าของ บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก เปิดโอกาสให้ผู้สนใจจองซื้อหุ้น OR ในราคาไอพีโอ 16-18 บาท/หุ้น ตั้งแต่ 24 ม.ค.64 – 2 ก.พ.64 ในจำนวนที่เสนอขายไม่เกิน 2,610,000,000 หุ้น และเข้าเทรดในตลาดฯ เดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อระดมทุนขยายธุรกิจค้าปลีกน้ำมันที่มีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 39% และ non oil แบรนด์ร้านค้าชั้นนำที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) เปิดโอกาสให้คนไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ไทยที่จะก้าวไปเป็นแบรนด์ระดับโลก
ด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก(IPO)ที่ช่วงราคาเสนอขาย 16.00 – 18.00 บาทต่อหุ้น สำหรับผู้จองซื้อรายย่อย สามารถจองซื้อได้ที่ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย และกรุงไทย ที่สำนักงานใหญ่และทุกสาขาทั่วประเทศและผ่านช่องทางออนไลน์
ในวันที่ 24 มกราคม 2564 – เวลา 12:00 น. (เที่ยง) ของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 โดยจัดสรรแบบวิธี Small Lot First เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับการกระจายหุ้นอย่างทั่วถึง และสำหรับผู้ถือหุ้น ปตท. เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น
สามารถจองซื้อได้ที่บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)ในวันที่ 25-28 มกราคม 2564 โดยคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์“OR”ในต้นเดือกุมภาพันธ์ 2564นี้ OR ได้เสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 2,610,000,000 หุ้นคิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 22.5 ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกและจำหน่ายได้แล้วของบริษัทฯภายหลังที่มีการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้
(ในกรณีที่มีการเสนอขายหุ้นทั้งจำนวน โดยไม่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) โดยแบ่งเป็น (ก) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 300,000,000 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเฉพาะกลุ่มซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของปตท. ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นของ ปตท.(“ผู้ถือหุ้นของ ปตท. เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้น”)


นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โออาร์ กล่าวว่าช่วงเวลานี้ถือเป็นจังหวะเวลาอันเหมาะสมที่บริษัทฯพร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตครั้งใหม่ด้วยการเสนอขายหุ้นIPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จากจุดแข็งรากฐานทางธุรกิจและกลยุทธ์การเติบโตอันแข็งแกร่งของโออาร์ เพื่อก้าวสู่ความเป็นแบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลกอย่างแท้จริงกับแนวคิดธุรกิจ “Retailing Beyond Fuel”


โออาร์ ดำเนินธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ(Non-Oil)อย่างผสมผสานกันทั้งในประเทศและต่างประเทศประกอบด้วยการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในตลาดค้าปลีกและตลาดพาณิชย์ ธุรกิจร้านกาแฟร้านอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ ร้านสะดวกซื้อ และการบริหารจัดการพื้นที่เช่า ปัจจุบันสถานีบริการน้ำมัน PTT Station มีสาขา 1,968 แห่งในประเทศไทย และ 329 แห่งในต่างประเทศ ร้านกาแฟ Café Amazon มีจำนวน 3,168 ร้านในประเทศไทย และ 272 ร้านในต่างประเทศ ศูนย์บริการยานยนต์ “FIT Auto”จำนวน 56 แห่งในประเทศไทย และ 4 แห่งในต่างประเทศ ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในสถานีบริการ และแบรนด์ “Jiffy”จำนวนรวมกัน 1,960 ร้านในประเทศไทย และ 86 ร้านในต่างประเทศ เป็นต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)
ด้วยจุดแข็งและปัจจัยสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โออาร์ ในฐานะบริษัท Flagship ของ กลุ่ม ปตท. มีสถานีบริการน้ำมัน “PTT Station”ซึ่งเป็นที่ยอมรับในด้านความน่าเชื่อถือ คุณภาพ และความเป็นผู้นำในการจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทยด้วยส่วนแบ่งการตลาดประมาณร้อยละ 38.9
(เมื่อพิจารณาจากปริมาณการขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงของสถานีบริการในปี2562โดยWood Mackenzie)
การมีเครือข่ายระบบจัดเก็บและการกระจายผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย การเดินหน้าพัฒนาธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ(Non-Oil)ซึ่งส่งเสริมธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดีและความมีศักยภาพในการเติบโตสูงทั้งในและต่างประเทศมีรากฐานทางธุรกิจที่มั่นคงในประเทศกัมพูชาฟิลิปปินส์ และ สปป.ลาว อีกทั้งยังมีความสามารถในการขยายธุรกิจสู่ประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง



ด้านนางสาวราชสุดา รังสิยากูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร นวัตกรรมและความยั่งยืน โออาร์ กล่าวเสริมว่า บริษัทฯขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่น่าเชื่อถือควบคู่บการสร้างคุณค่าและการมีส่วนร่วมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม โดยได้วาง 6 กลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายธุรกิจประกอบด้วย 
(1) รักษาความเป็นผู้นำทั้งตลาดค้าปลีกและตลาดพาณิชย์ในประเทศไทย
(2) มุ่งส่งเสริมการเติบโตของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ(Non-Oil) สร้างฐานรายได้และเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร 
(3)ต่อยอดความสำเร็จ ความชำนาญ เพื่อการขยายตัวสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก 
(4) เสริมสร้างศักยภาพขยายโอกาสการเติบโตด้วยเทคโนโลยี และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก(Big Data Analytics) 
(5) ลงทุนครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทานบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี และ
(6)มุ่งสร้างคุณค่าและการมีส่วนร่วมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มทั้งประเทศชาติ สังคมชุมชน ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้าและพนักงานอย่างสมดุล
นายพิจินต์ อภิวันทนาพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารการเงิน โออาร์ กล่าวเสริมว่าการระดมทุนในครั้งนี้เพื่อนำไปใช้ในการขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันการขยายธุรกิจสำหรับตลาดพาณิชย์การลงทุนในคลังเก็บผลิตภัณฑ์และศูนย์กระจายสินค้าการขยายเครือข่ายร้านค้าปลีกการลงทุนในธุรกิจต่างประเทรวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และบริษัทฯมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ30.0ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองต่างๆทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทฯกำหนดไว้ในแต่ละปี



ทั้งนี้ โออาร์ มีกระแสเงินสดที่มั่นคงจากกลุ่มธุรกิจน้ำมันและมุ่งมั่นที่จะสร้างรายได้เพิ่มจากกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-Oil) ที่มีความหลากหลายซึ่งมีการเติบโตและอัตรากำไรอยู่ในระดับสูง โดย โออาร์มีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 543,275.7 ล้านบาท 592,072.8 ล้านบาท 577,134.0 ล้านบาท 430,341.1 ล้านบาท และ 319,308.4 ล้านบาท สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 วันที่ 31 ธันวาคม 2561 และวันที่ 31 ธันวาคม 2562 และสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 และวันที่ 30 กันยายน 2563 ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิจำนวน 9,768.7 ล้านบาท 7,851.3 ล้านบาท 10,895.8 ล้านบาท 8,947.5 ล้านบาท และ 5,868.5 ล้านบาท สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 วันที่ 31 ธันวาคม 2561 และวันที่ 31 ธันวาคม 2562 และสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 และวันที่ 30 กันยายน 2563 ตามลำดับ (ทั้งนี้ข้อมูลสำหรับปี 2560 และ 2561 อ้างอิงจากข้อมูลทางการเงินรวมเสมือน ในขณะที่ข้อมูลสำหรับปี 2562 และสำหรับงวดเก้าเดือนปี 2562 และ 2563 อ้างอิงจากงบการเงินรวมตรวจสอบตามกฎหมาย)







 
เว็บสำเร็จรูป
×