ส.ผู้ค้าปลีก ประเมินปี 2568 แนวโน้มค้าปลีก อาจเพิ่มขึ้นถึง 5% จากปัจจัยหนุนด้านการท่องเที่ยว ส่งออก
และการลงทุนจากรัฐ-เอกชน ซึ่งธุรกิจนี้จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยมูลค่าที่มีอยู่กว่า
4.4 ล้านล้านบาท
หากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างจริงจัง ดังนั้นจึงมี 4
ข้อเสนอแนะเพื่อร่วมกันกระตุ้นค้าปลีก อาทิ เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ให้เอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อ
จัดโปรโมชั่นดึงกำลังซื้อนักท่องเที่ยว
นายณัฐ
วงศ์พานิช ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ภาพรวมค้าปลีกปี 2567
ยังไม่สดใสเท่าที่ควร เนื่องมาจากปัจจัยที่มีผลกระทบต่อภาคครัวเรือนและผู้ประกอบการค้าปลีก
อาทิ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นตามที่ภาครัฐคาดการณ์ไว้
ทำให้ผู้ประกอบการค้าปลีกเกินกว่า 37%
ผลิตหรือสต็อกสินค้าเกินความเหมาะสมไว้ก่อนแล้ว รวมทั้งการหดตัวด้านการลงทุน
ที่ส่งผลต่อการจ้างงานและการบริโภค หนี้ครัวเรือนสูง และภาระหนี้สินของเอสเอ็มอี หรือแม้แต่มาตรการแจกเงิน
1 หมื่นบาทให้กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน ยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ชัด และยังต้องรอความชัดเจนในเฟสต่อไปที่จะแจกให้กับกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มอื่นๆ
ตลอดจนเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจกว่า 5-6 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม
สมาคมผู้ค้าปลีกไทยมองว่าทิศทางค้าปลีกปี 2568 คาดอาจจะเติบโตราว 3-5 %
เมื่อเทียบกับจีดีพีของปี 2568 ที่คาดว่าจะเติบโต 2.3-3.3%
ด้วยแรงหนุนจากภาคท่องเที่ยวและส่งออก
รวมถึงการลงทุนของภาครัฐและเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศ ท่ามกลางความท้าทายจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้น
และปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยสมาคมฯ เชื่อว่าภาคธุรกิจค้าปลีกจะเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญอันดับต้นๆ
ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตตามเป้าหมาย ด้วยมูลค่าค้าปลีกและบริการกว่า
4.4 ล้านล้านบาท หากได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
ดังนั้น
สมาคมฯ ขอเสนอ ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐเพื่อร่วมกันกระตุ้นค้าปลีกไทยในปี 2568 อาทิ
1.เดินหน้าลงทุนและเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ
ปี 2568
- จากตัวเลขจีดีพีไตรมาส
3 ปี 2567 ที่ขยายตัว 3%
ส่วนใหญ่เกิดจากการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส
โดยขยายตัวสูงถึง 25.9%
ดังนั้นสมาคมผู้ค้าปลีกไทยจึงมองว่าการลงทุนของภาครัฐจะเป็นกลจักรสำคัญในการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี
2568 ขณะเดียวกันรัฐก็ควรเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปี 2568
ให้ทันท่วงที และเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ภายหลังการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 เกิดความล่าช้า
- ส่งเสริมให้เกิดการกระจายเม็ดเงินโดยภาครัฐ
ทั้งการลงทุน การจัดซื้อจัดจ้าง และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้รุดหน้า
2.เสริมแกร่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
- เอสเอ็มอีในประเทศไทยมีมากถึง
3.2 ล้านราย คิดเป็น 99.5% ของสถานประกอบการทั้งหมด
ดังนั้นภาครัฐจึงควรสนับสนุนเอสเอ็มอี โดยเฉพาะไมโครเอสเอ็มอีที่มีอยู่กว่า 2
ล้านราย ให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง เช่น
ส่งเสริมการเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหรือแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการรายย่อย, การเพิ่มโอกาสทางการค้า การขยายช่องทางการตลาด
การจำหน่ายสินค้า โดยในปี 2568 สมาคมผู้ค้าปลีกไทย
เดินหน้าช่วยเหลือไมโครเอสเอ็มอีทั่วประเทศ ตามนโยบาย “TRA GREAT” จัดงานตลาดนัด SME สัญจร
เปิดพื้นที่ให้ไมโครเอสเอ็มอี นำสินค้ามาจำหน่ายภายในห้างร้านของสมาชิกฯ เช่น
แม็คโคร โลตัส เซ็นทรัล โก โฮลเซลล์ ไทวัสดุ ตลอดปี 2568 เป็นต้น
- ออกมาตรการในการป้องกันการทะลักของสินค้าจีนราคาถูกที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ
เอสเอ็มอีไทยในทุกแพลต์ฟอร์ม
3.เพิ่มการอัดฉีดมาตรการกระตุ้นการบริโภคและเศรษฐกิจในประเทศ
- คลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ
ทั่วถึง และตรงกลุ่มเป้าหมาย สร้างโมเมนตัมการใช้จ่ายอย่างได้ผล เช่น ช้อปดีมีคืน, Easy E-Receipt
- ขับเคลื่อนการลงทุนภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ
- ส่งเสริมการลงทุนในภาคเอกชนทั้งนักลงทุนไทยและต่างประเทศ
เพื่อให้เกิดการขยายตัวของภาคผลิต ด้วยนโยบายจูงใจต่างๆ เพื่อให้เกิดการจ้างงาน
สร้างอาชีพ ซึ่งปัจจุบันภาครัฐกำลังเร่งทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง
4.ยกระดับไทยเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว
- กระตุ้นการท่องเที่ยวโดยโฟกัสกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง
เช่น พิจารณาลดภาษีสินค้าเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยว ยกตัวอย่าง
ประเทศญี่ปุ่นเริ่มมีแผนยกเลิกเพดานภาษีหรือ Tax Free ทำให้สามารถซื้อสินค้าปลอดภาษีมูลค่าเพิ่มเกิน 500,000 เยนต่อวันได้
ขณะที่ประเทศไทยอาจเริ่มต้นมาตรการ Tax Free (การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม)
กับยอดซื้อสินค้าทั่วไปที่มีมูลค่ารวมในการซื้อต่อท่านต่อวันในร้านเดียวกันเกิน
5,000 บาทขึ้นไป เป็นต้น
- ส่งเสริมให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของต่างชาติด้วยเสน่ห์ซอฟต์เพาเวอร์ไทย
ด้านอาหาร วัฒนธรรมไทย มุ่งสู่เป้าหมายนักท่องเที่ยว 40 ล้านคนในปี 2568
สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ตอกย้ำเจตนารมณ์ที่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตทุกระดับ พร้อมสนับสนุนให้รัฐบาลเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มสูบเพื่ออนาคตของเศรษฐกิจไทยที่จะกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง
วันที่ 26 ธันวาคม 2567
|