“วรุณา” พัฒนาแอพฯ “คันนา” ให้การทำนาง่ายขึ้น ใช้งานได้หลากหลาย
ตั้งแต่วางแผนเริ่มเพาะปลูกไปจนถึงเก็บเกี่ยว ที่สำคัญ ช่วยลดก๊าซมีเทนที่เป็นสาเหตุของโลกร้อน และลดการใช้น้ำที่มากถึง 1,500 ลบ.ม./ไร่ โดยตั้งเป้าให้ได้ 1 ล้านไร่ ครอบคลุม
15 จังหวัด นอกจากนี้เกษตรกรยังมีรายได้เพิ่ม จากการขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งคาดว่าภายในปี
2573 จะมีความต้องการซื้อคาร์บอนของไทยสูงถึง 1,600 ล้านตัน tCO2e
บริษัท วรุณา (ประเทศไทย) จำกัด (VARUNA) หนึ่งหน่วยธุรกิจภายใต้
บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (ARV) เดินหน้าสนับสนุนเกษตรกรไทยหันมาปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้ง
โดยการนำนวัตกรรมแอพพลิเคชั่น “คันนา” (KANNA) มาช่วยบริหารจัดการแปลงเกษตรแบบครบวงจร
โดยนำร่องเปิดตัว “ปลูกข้าวเปียกสลับแห้ง สร้างคาร์บอนเครดิต สร้างรายได้”
อย่างเป็นทางการ ที่ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้)
จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อส่งเสริมเกษตรกรไทยให้หันมาทำนาแบบรักษ์โลก
โดยลดการใช้น้ำลงได้ 50% ช่วยลดต้นทุนการเพาะปลูก 8–13
% และลดก๊าซมีเทน 80% ซึ่งในงานนี้ได้รับเกียรติจากนายณัฏฐกิตติ์
ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ร่วมเป็นประธานเปิดงาน และมีผู้แทนศูนย์วิจัยข้าว
จังหวัดลพบุรี เข้าร่วมงาน
นางสาวพณัญญา เจริญสวัสดิ์พงศ์
ผู้บริหารด้านธุรกิจและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท วรุณา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า
ขณะนี้หลายประเทศทั่วโลกมีความตื่นตัวและหันมาให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
เพื่อช่วยลดผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน
โดยประเทศไทยเป็นประเทศชั้นนำในกลุ่มอาเซียนที่ได้ประกาศเป้าหมายจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้
40% ภายในปี 2573 จากปัจจุบันประเทศไทยมีการปล่อยคาร์บอนเป็นอันดับที่ 19 ของโลก
ดังนั้น การผลักดันให้พื้นที่เกษตรเป็นแหล่งลดก๊าซเรือนกระจก
จึงเป็นแนวทางที่ประชาคมโลกให้ความสำคัญ เพราะนอกจากจะมีศักยภาพเชิงต้นทุนแล้ว
ยังมีแนวโน้มช่วยแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาวได้ด้วย
ทั้งนี้ พบว่าการทำการเกษตรบางส่วนเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อน
โดยเฉพาะการปลูกข้าวที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 50.58%
ส่วนใหญ่เป็นก๊าซมีเทน ที่เกิดจากกระบวนการทำนาที่ขังน้ำไว้
ซึ่งก๊าซมีเทนเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง
28 เท่า และก๊าซไนตรัสออกไซด์ที่เกิดจากการใส่ไนโตรเจนในปริมาณมากเกินความต้องการของพืช
“ภาครัฐของไทยตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเกษตร
1 ล้านตัน ซึ่งแนวทางดังกล่าวถือเป็นอานิสงส์ให้บริษัท วรุณา
(ประเทศไทย) จำกัด จัดทำ “โครงการปลูกข้าวเปียกสลับแห้ง สร้างคาร์บอนเครดิต
สร้างรายได้” ผ่านคันนา (KANNA) เพื่อช่วยบริหารจัดการแปลงเกษตรแบบครบวงจร
โดยในแอพฯ มีฟีเจอร์การใช้งานหลากหลาย ตั้งแต่การวางแผนการเพาะปลูกไปจนถึงขั้นตอนการเก็บเกี่ยว
ข้อมูลสภาพอากาศแบบเรียลไทม์รายวันและรายชั่วโมง โรคและแมลง คาดการณ์ผลผลิต
จนถึงการเก็บเกี่ยว ซึ่งโครงการนี้ยังสนับสนุนให้เกษตรกรไทยเปลี่ยนวิธีทำนาข้าวแบบดั้งเดิม
ที่หนึ่งฤดูกาลเพาะปลูกมีการใช้น้ำ 700–1,500
ลูกบาศก์เมตร/ไร่ มาเป็นการปลูกแบบเปียกสลับแห้ง โดยการใช้ท่อ PVC ขนาด 25 เซนติเมตร เจาะรูและฝังลงในนา
เพื่อวัดระดับน้ำและดูการใช้น้ำ สามารถลดการใช้น้ำลงได้ 50%
ลดต้นทุนการเพาะปลูก 8–13% และลดก๊าซมีเทน 80%
คันนายังเป็นแอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้เกษตรกรไทย
มีความมั่นใจกับการทำการเกษตรมากขึ้น
เพราะในอดีตการทำนาเป็นการพึ่งพาศาสตร์แบบดั้งเดิม และต้องคาดเดาจากสภาพดินฟ้าอากาศที่มีความไม่แน่นอน
ดังนั้นแอพฯ ดังกล่าวจึงเป็นเสมือนผู้ช่วยที่แนะนำตั้งแต่เริ่มการเพาะปลูกจนถึงขั้นตอนการเก็บเกี่ยว
และช่วยจัดการแปลงเกษตรแบบครบวงจร อีกทั้งยังทำให้เกษตรกรรู้จักปรับตัวในการใช้เทคโนโลยี
และรับรู้ถึงปัญหาจากการตีความข้อมูลเชิงลึกเพื่อให้เกษตรกรนำไปปฏิบัติได้
นอกจากนี้ ยังช่วยทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักกับการปลูกข้าวเปียกสลับแห้ง
ที่นอกจากจะช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทน ช่วยลดต้นทุนการผลิต
ยังทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายคาร์บอนเครดิตอีกด้วย
โดยในประเทศไทยเริ่มมีการขายคาร์บอนเครดิตในตลาดคาร์บอนตั้งแต่ปี 2557 ในรูปแบบตลาดคาร์บอนแบบภาคสมัครใจ
หรือที่เรียกว่า เครดิต T-VERs (Thailand Voluntary Emission) แม้ปัจจุบันการซื้อขายเครดิต TVERs ยังมีไม่มากนัก
แต่ในอนาคตจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด
โดยมีการคาดการณ์ความต้องการซื้อคาร์บอนเครดิตของไทยตั้งแต่ปี 2563 – 2573 คาดว่าจะสูงถึงราว 1,600 ล้านตัน tCO2e โดยวรุณามีเป้าหมายในการส่งเสริมการทำนาเปียกสลับแห้งครอบคลุม 15 จังหวัด พื้นที่ 1 ล้านไร่ภายในปี 2573
ขอเชิญชวนเกษตรกรเข้าร่วมโครงการปลูกข้าวเปียกสลับแห้ง
ลดการใช้น้ำและปุ๋ย ลดต้นทุน ลดการปล่อยก๊าซมีเทนที่ทำให้เกิดโลกร้อน และเกษตรกรที่สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการได้ฟรี
เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันคันนา (KANNA) จากกูเกิลเพลย์ และ
แอปสโตร์
|