CK คิวงานยาวแบ็กล็อคทะลุแสนล้าน



            บมจ.ช.การช่าง ได้งานอีก 3,280 ล้านบาท ของกรมชลฯ ซึ่งยังไม่รวมถึงงานปรับปรุงระบบทางพิเศษศรีรัช และรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ นอกจากนี้ยังมีโครงการขยายเส้นทางรถไฟอีกหลายแห่งที่จะเปิดประมูลใหม่ในปีนี้ ที่จะสร้างโอกาสในการได้รับงานเพิ่ม  



           โครงการก่อสร้างและพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK) ในปี 2565 ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยในงานภายในประเทศล่าสุดเมื่อช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้ร่วมลงนามสัญญาจ้างก่อสร้างขุดคลองระบายน้ำหลากพร้อมอาคารประกอบ สัญญาที่ 4 โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กับกรมชลประทาน มูลค่ารวม 3,280 ล้านบาท งานซ่อมบำรุง และปรับปรุงโครงสร้าง และงานระบบทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครและทางพิเศษอุดรรัถยากับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ว่าจ้าง มูลค่างาน 1,078,094,260 บาท             

          ขณะที่งานประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย (ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม) โดยบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ช.การช่าง มีโอกาสจะได้งานดังกล่าว เนื่องด้วยคู่แข่งน้อยและเป็นโครงการนี้ส่วนใหญ่เป็นงานรถไฟฟ้าใต้ดิน มูลค่ากว่า 1.27 แสนล้านบาท นอกจากนี้ยังมีอีกหลายโครงการที่จะเปิดประมูลภายในปีนี้ อาทิ รถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย  3 เส้นทาง รังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต, ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา, ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช มูลค่ารวมกว่า 2.27 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟทางคู่ ขอนแก่น-หนองคาย มูลค่า 2.97 หมื่นล้านบาท             

          ส่วนที่ สปป.ลาว ก็มีงานที่รอเซ็นสัญญา เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง วงเงินราว 8 หมื่นล้านบาท ที่จะช่วยเพิ่มให้มูลค่างานในมือ (backlog) ถึง 1 แสนล้านบาท             

          อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของนักวิเคราะห์ระบุว่า การที่บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ได้เซ็นสัญญางานใหม่อีก 3,200 ล้านบาท รวมถึงงานที่ สปป.ลาว และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) ที่ BEM เป็นผู้ชนะการประมูลงานโยธากว่า 9 หมื่นล้านบาท ก็คาดว่าจะให้ทาง CK เป็นผู้ก่อสร้างหลัก และส่งผลให้แบ็กล็อกของ Ck อาจปรับตัวขึ้นไปสูงถึงระบบ 200,000 ล้านบาท             

       

          สำหรับทิศทางการดำเนินงานของบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKP) ที่เป็นบริษัทในกลุ่ม ช.การช่าง ได้วางทิศทางและเป้าหมายธุรกิจของในปี 2565 ไว้ว่า จะมุ่งเน้นสู่การเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าที่มีระดับคาร์บอน ฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ต่ำที่สุดรายหนึ่ง เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยที่ต้องการมุ่งสู่สังคมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2608 โดย CKPower ได้ตั้งงบลงทุนจำนวน 2,600 ล้านบาท เพื่อเพิ่มทุนตามสัดส่วนในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งใหม่ใน สปป.ลาว และลงทุนเพิ่มเติมในโครงการพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ และพลังงานลม เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้งของบริษัทที่ 4,800 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 และเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนให้ไม่ต่ำกว่า 95% ของกำลังการผลิตรวมของบริษัทฯ 




 
เว็บสำเร็จรูป
×