ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นบริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) (PROEN) อนุมัติจ่ายเงินปันผลตามผลการดำเนินงานประจำปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.12 บาทต่อหุ้นรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 38,033,658 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล(Record Data)ในวันที่ 10 พ.ค. 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 18 พ.ค. 2566
ที่ประชุมยังมีมติอนุมติให้เพิ่มวัตถุประสงค์ เพื่อประกอบกิจการเกี่ยวกับ พลังงานไฟฟ้า พลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียน และพลังงานอื่นๆ ทุกประเภท การจำหน่ายจัดหาจัดทำและติดตั้งสถานีไฟฟ้าสำหรับยานยนต์และบริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า การให้คำปรึกษา การออกแบบและควบคุมติดตั้งระบบไฟฟ้า จัดหาอะไหล่และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
นายกิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม ซีอีโอ PROEN บอกอีกว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตไม่น้อยกว่า 20% โดยจะเดินหน้าสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ
เข้าประมูลงานด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยคาดว่าจะได้รับงานเพิ่มไม่น้อยกว่าปีก่อน
จากการประมูลและวางกลยุทธ์สร้างการเติบโตโดยกำลังศึกษาวิธีการควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions : M&A) ต่อยอดจากธุรกิจเดิม ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้นในอนาคต" นายกิตติพันธ์กล่าว
นอกจากนี้ การที่บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท เกตเวย์ เซอร์วิส จำกัด (GW) ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมกลยุทธ์เพื่อพัฒนา Platform การให้บริการรองรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการที่ประเทศจีนเปิดประเทศ และมีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาประเทศไทยอย่างคึกคัก ขณะเดียวกันยังเป็นการลงทุนที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกัน
โดยบริษัทฯ สามารถให้บริการในส่วนของ Internet Data Center รวมถึงได้ศึกษาการทำธุรกิจให้บริการ E-VOA นำมาพัฒนาต่อธุรกิจได้ต่อไปจะช่วยผลักดันรายได้เพิ่มขึ้น
ในส่วนของธุรกิจด้านเทคโนโลยี และงานก่อสร้างด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ PROEN ยังมีการขยายตัวและพัฒนาต่อเนื่อง พร้อมขยายศักยภาพสร้างศูนย์ข้อมูล Internet Data Center แห่งใหม่ด้วยเงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะเสร็จและสามารถสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ได้ในปี 2566 รองรับความต้องการของลูกค้าในปี 2567 ซึ่งจะช่วยสนับสนุน และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต